รีวิว ดาบมังกรหยก 2019 การกลับมาของ เตียบ่อกี้ เวอร์ชั่นนี้ดีกว่าเดิมตรงไหนบ้าง
รีวิว ดาบมังกรหยก 2019
สรุป
เป็นหนึ่งในดาบมังกรหยกที่รีเมคออกมาแล้ว ทำได้โดดเด่น ผ่านไปอีก 10 ปีก็น่าจะเป็นหนึ่งในเวอร์ชั่นที่คนยังชื่นชมกันอยู่ แต่น่าเสียดายว่ามีจุดที่ไม่สมูทหลายอย่าง แม้ว่าคิวบู๊จะทำได้ดี แต่ใช้ฉากสโลว์มากไป และช่วงท้ายเร่งเดินเรื่องจนน่าผิดหวัง ดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายในช่วงท้ายพอสมควร แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าทำได้สนุก
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- โปรดักชั่นอลังการ ฉากยิ่งใหญ่ตระการตามาก ยกโลกของดาบมังกรหยกออกมาจากนิยายได้ดี
- ดัดแปลงบทประพันธ์บางส่วน แต่ทำออกมาดี และส่วนที่เก็บไว้ก็ยังทำได้ดี
- นักแสดงสมทบหลายคนยอดเยี่ยม ทำให้นึกถึงยุคทองของ TVB จากยุค 90
- เดินเรื่องกระชับ ไม่เยิ่นเย้อ จุดที่ควรผ่อนก็ผ่อนได้ดี
- นักแสดงสาวชวนให้ดึงดูดสายตามาก แต่เด็ดที่สุดคือ โจวไห่เม่ยในวัย 50 กว่ากับบทมิกจ้อ ออร่ากลบนักแสดงรุ่นหลังเลย
Cons
- มีหลายตอนที่ CG ไม่เนียนตามสไตล์หนังจีน
- ใช้ฉากสโลว์โมชั่นเข้ามาตอนฉากบู๊มากเกินไป เป็นจุดด้อยร้ายแรง ที่ผกก.ถึงกับต้องออกมาขอโทษหลังจากฉายไปไม่กี่ตอน จนต้องปรับปรุงตอนกลางเรื่อง
- ช่วงท้ายรีบเร่งเกินไป ทำให้ฉากสำคัญบางฉากออกมาไม่ดี
- ได้อิทธิพลจากเวอร์ชั่น 1994 ที่ดัดแปลงเนื้อหาช่วงท้าย ตรงนี้บางคนอาจไม่ชอบ
ดาบมังกรหยก 2019 รีเมคอีกครั้ง กับเรื่องราวของ เตียบ่อกี้ เข้าฉายแล้วทางช่อง MCOT 30 ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00 -16.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา และสามารถรับชมได้ทาง AIS Play
นิยายเรื่อง “ดาบมังกรหยก” จัดว่าเป็นหนึ่งในบทประพันธ์ชื่อดังของ กิมย้ง ปรมาจารย์แห่งวงการนิยายกำลังภายในที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของ เตียบ่อกี้ เด็กหนุ่มที่ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องการกอบกู้บ้านเมืองของชาวจีนคืนจากชาวมองโกล และการแก่งแย่งชิงดีในยุทธภพ การตามหาอาวุธวิเศษ ไปจนถึงสงครามความรักกับเหล่าหญิงงามในเรื่อง ที่ขับเคี่ยวกันดุเดือด จนอาจจะยิ่งกว่าการสัประยุทธ์ของยอดฝีมือก็ว่าได้
แน่นอนว่า สำหรับการกลับมาของ “เตียบ่อกี้” หลายคนอาจมีคำถามว่า เวอร์ชั่นนี้ใหม่ล่าสุดดี ขึ้นกว่าเวอร์ชั่นเก่า ๆ ตรงไหนบ้าง หลังจากมีการรีเมคกันหลายเวอร์ชั่นมาก ซึ่งที่ผ่านมาจะมี ฉบับปี 1979, 1986, 1994, 2000, 2003, 2009 ซึ่งคราวนี้เป็นการกลับมาในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว
อันนี้ลองดู นักแสดงที่เล่นเป็นสามตัวนำคือ เตียบ่อกี้ เตียเมี่ยง จิวจี้เยียกในเวอร์ชั่นก่อน ๆ
แล้วถ้าจะดู ดาบ มังกรหยก 2019 เราจำเป็นต้องดูมังกรหยกภาค 1-2 มาก่อนหรือไม่
ต้องบอกว่า ถ้าต้องการรับชม เราก็สามารถหาดูได้จากฉบับล่าสุดคือ มังกรหยก 2017 ภาคก๊วยเจ๋ง และ มังกรหยก 2 ฉบับ 2014 ภาคเอี้ยก้วย ซึ่งทั้งสองชุดเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด แต่ถ้าอยากจะดู ดาบมังกรหยก 2019 ภาค เตียบ่อกี้ ที่ฉายอยู่นี้ก่อนเลยก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะโดยเนื้อหาของดาบมังกรหยกจะค่อนข้างมีความเป็นเอกเทศจากสองภาคแรกอย่างชัดเจน เนื่องจากเล่นเรื่องราวหลังจากมังกรหยกทั้งสองภาคราว 70-80 ปี ดังนั้นถึงไม่ได้ดูสองภาคแรกมาก่อน ก็ดูภาคนี้ได้เลย เพียงแต่จะมีความเชื่อมโยงกับสองภาคก่อนอยู่บ้างในแง่ของ เรื่องราวเหล่าจอมยุทธ์ในสองภาคแรกที่ถูกเล่าขานในภาคนี้ รวมถึงเคล็ดวิชาและค่ายสำนักต่าง ๆ ที่จะมีส่วนเชื่อมต่อกันอยู่บ้าง
ดาบมังกรหยก 2019 เรื่องย่อ
เมื่อครั้งที่ชาวมองโกล ลูกหลานของเจงกิสข่าน ได้ทำศึกชนะชาวจีนฮั่น พิชิตราชวงศ์ซ่งจนราบคาบ ก็ได้ทำการสถาปนาราชวงศ์หยวนขึ้นมา ปกครองเหนือแผ่นดินจงหยวน (ภาคกลางของจีน) แล้วก็ขยายอาณาจักรออกไปไพศาล จนกลายเป็นอาณาจักรที่มีอาณาเขตปกครองกว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลก แล้วชาวมองโกลก็ปกครองชาวจีนฮั่นเรื่อยมา
แต่สำหรับลูกหลานชาวจีนแล้ว ยังคงมีความคิดที่จะกอบกู้แผ่นดินคืนจากชาวมองโลก กระทั่งได้เกิดมีคำกล่าวขานในยุทธภพว่า “เทิดทูนเหนือหล้า ดาบฆ่ามังกร อิงฟ้าไม่ปรากฏ ใครกล้าต่อกร” จึงทำให้บรรดาชาวยุทธ์ตีความกันว่า กระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกร มีความลับยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่ หากใครค้นพบ จะสามารถกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพ รวมถึงทำภารกิจกอบกู้แผ่นดินจากชาวมองโกลได้ ซึ่งการแย่งกระบี่และดาบสองเล่มนี้ ได้กลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ในยุทธภพตามมา
อันที่จริงแล้ว เหตุการณ์ในดาบมังกรหยก จะเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในมังกรหยกภาค 1-2 ซึ่งในนิยายต้นฉบับ จะเล่าเรื่องราวต่อจากมังกรหยกภาค 2 (ภาคเอี้ยก้วย วีรบุรุษอินทรี) ซึ่งจะเป็นการเดินทางของ ก๊วยเซียงในวัยสาว แล้วได้พบกับ เตียกุนป้อ (ซึ่งต่อมาคือ ปรมาจารย์ เตียซำฮง) แล้วพัวพันกับเหตุการณ์ บางอย่างที่จะทำให้ ก๊วยเซียง และ เตียซำฮง ได้รับเคล็ดวิชาจากคัมภีร์นวภพ (เก้าเอี๊ยง) แล้วนำไปสู่การก่อตั้งสำนัก บู๊ตึ้ง และ ง้อไบ๊ ต่อมาภายหลัง
แต่เนื้อหาในนิยายต้นฉบับส่วนนี้เป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างสั้น อีกทั้งหลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว เรื่องก็จะ Time Skip ไปอีกประมาณ 70-80 ปี ก็เลยทำให้ผู้สร้างดาบมังกรหยกแทบทุกเวอร์ชั่นเลือกที่จะตัดทอนส่วนนี้ออก แล้วใช้วิธีเอาเรื่องราวส่วนนี้มาเป็นฉากเล่าย้อนหลังในระหว่างดำเนินเรื่องราวไประยะหนึ่งแล้วแทน
ดังนั้นเรื่องราวเริ่มต้นใน ซีรีส์ดาบมังกรหยกแทบทุกครั้งที่มีการสร้าง ก็จะเริ่มหลังจากเหตุการณ์ในฉากจบของมังกรหยกภาค 2 ผ่านไปแล้วประมาณ 70-80 ปี ซึ่งเป็นตอนที่ชาวมองโกลเข้ายึดแผ่นดินจีนและตั้งราชวงศ์หยวนแล้ว จากนั้นเรื่องราวหลักก็จะเริ่มที่การตามหา “กระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกร” ซึ่งถือว่าเป็นต้นเหตุทั้งหมดในเรื่อง โดยเรื่องราวก็จะมุ่งเน้นไปที่ ภารกิจกู้ชาติจีนกลับมาจากชาวมองโกล การค้นหาความลับที่ซุกซ่อนอยู่ของกระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกร การแบ่งแยกฝ่ายธรรมะและอธรรมของเหล่าสำนักใหญ่ในเรื่อง รวมถึงความรักหลายเส้าของตัวละครเอกที่ทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวายตามมา
ซึ่งความยากของการสร้างดาบมังกรหยกแต่ละเวอร์ชั่น ก็คือการคัดเลือกนักแสดงให้เข้ากับตัวละครหลักในเรื่อง โดยเฉพาะ 3 ตัวละครสำคัญที่ถือว่าเป็นตัวเดินเรื่องหลัก นั่นคือ เตียบ่อกี้ เตียเมี่ยง จิวจี้เยียก ซึ่งทั้งสามตัวละครจะมีส่วนของโครงเรื่องการต่อสู้แย่งชิงในเรื่องความรักที่เป็นรักสามเส้า ซึ่งตัวละครหญิงทั้งสองต้องต่อสู้และใช้ไหวพริบและความเด็ดขาดเพื่อเอาชนะใจเตียบ่อกี้ ในขณะที่โครงเรื่องหลักของดาบมังกรหยกก็คือ การต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรมที่ยากจะจำแนกได้ชัดเจนว่า แท้จริงแล้วใครคือฝ่ายไหนกันแน่ และอีกเส้นเรื่องสำคัญคือ การต่อสู้เพื่อกู้ชาติบ้านเมือง ที่ตัวละครหลายคนยังมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์จีนด้วย
ดังนั้นโครงเรื่องของดาบมังกรหยกเลยมีความยิ่งใหญ่อลังการ คือมีทั้งส่วนที่เกี่ยวกับการต่อสู้ในยุทธภพและการต่อสู้เพื่อกู้บ้านเมือง ไปจนถึงสงครามความรัก อีกทั้งยังมีฉากแอ็คชั่นระเภทไคลแมกซ์ หรือฉากแนวชุมนุมชาวยุทธ์ที่ค่อนข้างอลังการอยู่หลายฉาก ซึ่งคนอ่านนิยายมาและคนที่ดูจากเวอร์ชั่นก่อน ๆ ก็จะคาดหวังเอาไว้สูงด้วย
ดาบมังกรหยก 2019 แนะนำตัวละคร
เตียบ่อกี้ (จางอู๋จี้) แสดงโดย เจิงซุ่นซี
ตัวเอกของเรื่อง เป็นลูกชายคนเดียวที่เกิดจากของ เตียชุ่ยซัว ศิษย์คนที่ 5 ของเตียซำฮงแห่งบู๊ตึ้ง และ ฮึงซู่ซู่ ลูกสาวของฮึงเทียนจี่ ประมุขนิกายเหยี่ยวฟ้า ซึ่งต่อมาเขาจะกลายเป็นประมุขนิกายเม้งก่า ผู้สำเร็จเคล็ดวิชาในคัมภีร์เก้าเอี๊ยง และ พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล แล้วนำชาวยุทธ์ต่อต้านราชวงศ์หยวนของชาวมองโกล เพื่อกอบกู้แผ่นดินของชาวจีนฮั่นกลับมา
แต่ถึงจะมีสุดยอดวรยุทธ์ไร้เทียมทานแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถฝ่าสงครามความรักรวมถึงเหล่าหญิงงามในเรื่องที่หมายปองเขาได้
เตี๋ยเมี่ยง (จ้าวหมิ่น) แสดงโดย ฉินอวี้ฉี
เจ้าหญิงของมองโกล มีนิสัยเด็ดขาด สติปัญญาเฉียบแหลม รับอาสาช่วยบิดาซึ่งเป็นแม่ทัพของมองโกล วางแผนอันซับซ้อนและโหดเหี้ยมในการเล่นงานชาวยุทธ์ภพให้ราบคาบ รวมถึงค้นหาความลับของกระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกรด้วย
แต่แล้วเธอกลับถูกชะตากับเตียบ่อกี้ซึ่งเป็นประมุขนิกายเม้งก่าที่เป็นศัตรู จนก่อเกิดเป็นความรัก ทำให้เธอถึงกับยอมทิ้งหน้าที่ต่อบ้านเมืองและเชื้อชาติได้
จิวจี้เยียก (โจวจื่อรั่ว) แสดงโดย จู้ซวี่ตัน
ลูกสาวคนเดินเรือ ที่ถูกรับไปเลี้ยงในสำนักง่อไบ๊ เคยพบกับเตียบ่อกี้ในสมัยเด็กและเกิดความฝังใจ เธอได้กลายเป็นศิษย์เอกรุ่นเยาว์ของสำนัก ภายหลังก็ได้กลับมาพบกับเตียบ่อกี้อีกครั้งจนเกิดเป็นความรัก แต่เธอได้รับหน้าที่จากมิกจ้อซือไท่ที่เป็นอาจารย์ให้ค้นหากระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกร ซึ่งเธอได้รู้ความลับของอาวุธทั้งสองนี้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ จิวจี้เยียกกับเตียเมี่ยงยังเข้าแย่งชิงในสงครามรักเพื่อคว้าหัวใจของเตียบ่อกี้มาให้ได้
เตียซำฮง (จางซานฟง) แสดงโดย หวังเต๋อซุ่น
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักบู๊ตึ้ง (อู่ตัง) เมื่อวัยหนุ่มใช้ชื่อว่า เตียกุนป้อ เดิมเป็นศิษย์ในวัดเส้าหลิน ได้รับเคล็ดวิชาเก้าเอี๊ยงบางส่วนมาจากอาจารย์คือหลวงจีนกักเอี๊ยง และได้พบกับก๊วยเซียง ลูกสาวคนเล็กของก๊วยเจ๋ง รวมถึงในอดีตยังเคยได้รับคำชี้แนะบางอย่างจากจอมยุทธ์อินทรีเอี้ยก๊วย เขาได้คิดค้นเพลงมวยไทเก๊กขึ้นมาใหม่ เน้นความอ่อนยุ่นสยบแข็งกร้าว ก่อตั้งสำนัก มีความยิ่งใหญ่เป็นเสาหลักเทียบเท่าเส้าหลิน
เตียซำฮงมีอายุในเรื่องเกิน 100 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีฝีมือในระดับสูงสุดของยุทธภพ ให้ความเอ็นดูต่อเตียบ่อกี้ที่ต้องเสียบิดามารดาไปมาก เตียซำฮงยังเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
เตียชุ่ยซัว (จางชุ่ยซาน) แสดงโดย หลี่ตงเสวีย
ศิษย์คนที่ 5 ของเตียซำฮงแห่งบู๊ตึ้ง ฉายา ตะขอเงินพู่กันเหล็ก และเป็น 1 ใน 7 บู๊ตึ้ง ที่โด่งดัง มีนิสัยตรงไปตรงมา รักศิษย์พี่น้องของตนมาก โชคชะตาทำให้พบรักของ ฮึงซู่ซู่ และได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับ เจี่ยซุ่น แต่กลับนำพาโศกนาฎกรรมมาให้
ฮึงซู่ซู่ (อินซู่ซู่) แสดงโดย เฉินซินอวี่
ลูกสาวของฮึงเทียนจี่ ฉายาอินทรีคิ้วขาว ประมุขนิกายเหยี่ยวฟ้าซึ่งแต่เดิมคือหนึ่งในสี่จตุโลกบาลแห่งนิกายเม้งก่า เธอนิสัยดื้อรั้น เฉลียวฉลาด เจ้าอุบายความคิด ได้พบรักกับเตียชุ่ยซัว จนให้กำเนิดเตียบ่อกี้ขึ้นมา
เธอสั่งสอนเตียบ่อกี้ว่า ผู้หญิงยิ่งสวยยิ่งโกหกเก่ง อย่าไว้ใจผู้หญิง
เอี้ยเซียว (หยางเซียว) แสดงโดย หลินอวี่เซิน
ทูตซ้ายแห่งนิกายเม้งก่า จัดว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในนิกายรองจากประมุขคนก่อน เดิมได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มรูปงาม นิสัยเสเพล ได้ขึ้นมาดูแลนิกายในช่วงที่ประมุขคนก่อนหายสาบสูญ แต่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับมากนัก ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในนิกาย
เสี่ยวเจียว (เสี่ยวจาว) แสดงโดย สวีหย่าถิง
หญิงสาวปริศนา มีจิตใจเข้มแข็ง เฉลียวฉลาด รอบรู้ในศาสตร์หลายอย่างทำให้หลายคนก็ประหลาดใจมาก เธอกลายเป็นสาวใช้ของเตียบ่อกี้ในนิกายเม้งก่า เธอเป็นคนที่คอยดูแลและช่วยเหลือเตียบ่อกี้อยู่เสมอ ซึ่งชาติกำเนิดที่แท้จริงของเสี่ยวเจียวถือว่าเป็นปริศนาที่มีความเกี่ยวพันกับความลับของนิกายเม้งก่าอย่างลึกซึ้ง
ฮึงลี้ (อินหลี) แสดงโดย เฉาซีเยวี่ย
ลูกสาวของ ฮึงเอี้ยอ้วง ลูกชายคนโตของฮึงเทียนจี่ เธอจึงมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเตียบ่อกี้ มีชีวิตวัยเด็กที่รันทด ฝึกวิชาหัตถ์พันแมงมุมหมื่นพิษจนใบหน้าเสียโฉม แต่ก็มีความรักฝังใจกับเตียบ่อกี้ตั้งแต่เด็ก
เอี้ยปุ๊กหุ่ย (หยางปู้หุ่ย) แสดงโดย ซุนอันเข่อ
ลูกสาวคนเดียวของเอียเซียวกับ กีเฮียวพู้ ศิษย์สาวของสำนักง้อไบ๊ แต่ได้เตียบ่อกี้เข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่วัยเด็ก เธอมีความรักและเคารพเตียบ่อกี้เสมือนพี่ชายแท้ ๆ
ซ่งชิงซู (ซ่งแชจือ) แสดงโดย จางเชาเหริน รับบท
ลูกชายคนเดียวของซ่งเอี้ยวเกี้ย ศิษย์คนโตของ 7 จอมยุทธ์บู๊ตึ้ง มีนิสัยหยิ่งทระนง หลงรักจิวจี้เยียกมาก จนพร้อมยอมทำทุกอย่างได้แม้จะเป็นเรื่องชั่วร้าย เห็นเตียบ่อกี้เป็นศัตรูหัวใจ
มิกจ้อซือไท่ (เมี่ยเจวี๋ยซือไท่) แสดงโดย โจวไห่เม่ย
เจ้าสำนักง้อไบ๊ รุ่นที่ 3 ที่ก่อตั้งโดยปรมาจารย์ก๊วยเซียง มิกจ้อเป็นผู้ครอบครองกระบี่อิงฟ้า ได้ชื่อว่าเป็นจอมยุทธ์หญิงอันดับต้น ๆ ในยุคนั้น มีนิสัยดุดัน ดื้อรั้น พร้อมกำจัดคนของนิกายเม้งก่าโดยไม่สนใจสิ่งใด มีความแค้นชนิดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้กับเอี้ยเซียว ทำให้เธอมองคนของเม้งก่าและพรรคฝ่ายอธรรมะเป็นสิ่งชั่วร้าย ต้องกำจัด ภายหลังเธอมองเห็นความสามารถและสติปัญญาของจิวจี้เยียก จึงฝากฝังสำนักไว้ให้ พร้อมกับถ่ายทอดความลับของกระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกรที่สืบทอดมาให้ด้วย (บทของมิกจ้อ ใน ดาบมังกรหยก 2019 เป็นการกลับมารับบทของ โจวไห่เม่ย ที่เคยแสดงเป็นจิวจี้เยียกในฉบับ 1994 ซึ่งเวอร์ชั่นล่าสุดนี้มีการปรับบทให้ตัวละครมีมิติมากขึ้นเหมือนกับในนิยายฉบับปรับปรุงล่าสุดที่ให้สาเหตุความโหดของมิกจ้อที่มีต่อคนของเม้งก่า)
เจี่ยซุ่น (เซี่ยซวิ่น) แสดงโดย เฮยจื่อ
ฉายา ราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 จตุโลกบาลของเม้งก่า ในพินัยกรรมของประมุขนิกาย ได้มีการเปิดเผยว่าเขาถูกวางตัวให้เป็นประมุขนิกายคนต่อไป แต่เนื่องจากชีวิตของเจี่ยซุ่นเกิดเหตุพลิกผันร้ายแรงจนกลายเป็นคนคลุ้มคลั่ง ไล่สังหารผู้คนจำนวนมาก มีศัตรูคู่อาฆาตคือ ฝ่ามืออสนีบาต เซ่งคุน ซึ่งเป็นอาจารย์ของตนเอง
ที่จริงแล้วเจี่ยซุ่นนับเป็นผู้มีปัญญาล้ำเลิศมาก รอบรู้ทั้งวิชายุทธ์ของค่ายสำนักต่าง ๆ รวมถึงหลักปรัชญา ประวัติศาสตร์ และสรรพวิชามากมาย ต่อมาด้วยโชคชะตาหลายอย่าง ทำให้เขาได้กลายเป็นพี่ร่วมสาบานของเตียชุ่ยซัว และกลายเป็นพ่อบุญธรรมของ เตียบ่อกี้ เขาใช้ความพยายามค้นหาความลับของดาบฆ่ามังกรอยู่นับสิบกว่าปี แต่ก็ยังไม่พบ
เซ่งคุน (เฉิงคุน) แสดงโดย ฝานเส้าหวง
อดีตเคยได้รับฉายา ฝ่ามืออสนีบาต เป็นยอดฝีมือแถวหน้า มีสติปัญญา เจ้าเล่ห์เพทุบาย เขามีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับภรรยาของเฮี้ยงเต็งเทียน อดีตประมุขนิกายเม้งก่า แล้วด้วยความแค้นที่มีต่อนิกายเม้งก่า ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาสังหารครอบครัวของเจี่ยซุ่นที่เป็นศิษย์ของตนเองลงหมด เป้าหมายก็เพื่อใช้เป็นเครื่องมือแก้แค้น จากนั้นก็เข้าบวชในวัดเส้าหลิน เริ่มสร้างอิทธิพลในวัดจนมีสมัครพรรคพวกมากมาย
เซ่งคุนถือได้ว่าเป็นตัวละครที่อยู่เบื้องหลังแผนการสร้างความหายนะในยุทธภพที่ก่อเกิดเป็นความแค้นแบบลูกโซ่ต่อเนื่อง เขายังไปร่วมมือกับมองโกลเพื่อจัดการชาวฮั่นด้วยกันอีกด้วย
ดาบมังกรหยก ตอนจบ สปอยล์
ตามต้นฉบับนิยายของกิมย้ง ดาบมังกรหยกในช่วงท้ายจะเล่าเรื่องราวที่ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายลง หลังจากเตียบ่อกี้สามารถสะสางเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเจี่ยซุ่นซึ่งนำไปสู่การสะสางบัญชีแค้นกับเซ่งคุนได้สำเร็จ ส่วนเรื่องของพรรคเม้งก่าในฐานะผู้นำยุทธภพ เตียบ่อกี้ตัดสินใจในการประชุมพรรคตอนท้ายเรื่องว่า จะลงจากตำแหน่งประมุข โดยการปรับปรุงนิยายครั้งสุดท้ายของกิมย้งนั้น ได้เขียนให้เตียบ่อกี้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยตัวเอง
สำหรับศึกรักระหว่างเตียเมี่ยงและจิวจี้เยียก การปรับปรุงนิยายครั้งสุดท้ายทำให้ทั้งสองสาวสามารถหาทางลงกันได้ดีขึ้น มีฉากที่เตียเมี่ยงและจิวจี้เยียกเคลียร์กันได้ แล้วจูงมือกันเดินเข้ามาในขณะที่เตียบ่อกี้ต้องประชุมด่วนกับสมาชิกพรรค ทำให้พวกเอี้ยเซียวที่เห็นสองสาวที่ตอนแรกจะฆ่ากันเป็นตาย กลับมาคืนดีเหมือนเป็นพี่น้องแบบนี้กันได้ พวกเขาถึงกับชื่นชมประมุยเตียว่า ท่านประมุขทำให้สองสาวที่เกลียดกันกับมาปรองดองกันได้เช่นนี้ หรือว่านี่เป็นยอดวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลอันใด
ส่วนในตอนจบของเรื่องราวก็เหมือนกับฉบับก่อนปรับปรุงครั้งก่อนๆ ที่เตียบ่อกี้พาเตียเมี่ยงออกไปนอกด่านกลับสู่ดินแดนมองโกล แล้วตั้งใจอาศัยอยู่ที่นั่นโดยไม่กลับเข้าแผ่นดินจงหยวนอีก ซึ่งระหว่างเดินทางอยู่ในกระโจมรถม้า เตียบ่อกี้เขียนจดหมายหาเอี้ยเซียวอยู่ เตียเมี่ยงก็เข้ามาพูดจะทวงสัญญาข้อที่สาม ทำให้เตียบ่อกี้ตกใจนักว่าจะโดนนางก่อกวนอะไรอีก นางจึงหัวเราะว่า แค่ต้องการให้บ่อกี้ช่วยเขียนคิ้วให้ตลอดชีวิต บ่อกี้จึงว่าเขายินดีทำให้ตลอดไป แต่ทันใดนั้นจิวจี้เยียกก็ปรากฏตัวออกมาทักทายแล้วว่า ตนก็ขอทวงสัญญาของตนที่บ่อกี้เคยรับปากไว้เหมือนกัน แล้วบอกว่า ตอนนี้ยังนึกไม่ออก แต่หากวันใดท่านเข้าพิธีวิวาห์กับเตียเมี่ยง ข้าคงนึกออก ทำให้บ่อกี้ตะลึงลาน ในใจหนึ่งสับสน ใจหนึ่งยินดี ใจหนึ่งงุนงงแล้วพู่กันก็ร่วงลงพื้น (นี่คือฉากจบในนิยายก่อนปรับปรุงล่าสุด)
ส่วนในการปรับปรุงครั้งสุดท้าย กิมย้งเพิ่มเนื้อหาเข้ามาอีกหนึ่งหน้าที่ทำให้เรื่องราวลงตัวและ Happy Ending ขึ้นไปอีก เมื่อจิวจี้เยียกพูดจบแล้วก็ออกไปด้านนอก เตียเมี่ยงบอกให้เขาออกไปรับฟังนางต่อ จี้เยียกก็กล่าวว่า นางยอมให้บ่อกี้อยู่กินกับเตียเมี่ยงได้ตามต้องการ มีลูกหลานด้วยกันมากๆ แต่ขอไม่ให้เข้าพิธีกราบไหวฟ้าดิน สาเหตุที่ขอเช่นนี้ ก็เพื่อที่ว่าในใจของเขาจะได้นึกถึงนางบ้างก็พอใจแล้ว จากนั้นก็จากไป
เตียบ่อกี้ก็กลับมาครุ่นคิดกับตนเองว่าเขารักใครกันแน่ ซึ่งตอนนี้เองเขาได้ข้อสรุปแล้วว่าเขารักเตียเมี่ยงที่สุด แต่กับทั้งสามสาว เขาก็มีใจให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น จิวจี้เยียก เสี่ยวเจียว ฮึงลี้ ทุกนางดีต่อเขามาก วันหนึ่งเขาอาจจะไปแวะไปเยี่ยมพวกนาง ก็ได้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เขามองเห็นแต่ความดีของผู้คน ในใจของเขา ทุกคนจึงล้วนเป็นคนดีไปหมด แล้วเรื่องราวก็จบลงตรงนี้
สำหรับในดาบมังกรหยก 2019 ก็มีการดัดแปลงตอนจบไปบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วก็ยังจบคล้ายกับในนิยาย
ดาบมังกรหยก สรุปแล้วเวอร์ชั่นนี้ ดีกว่าของเดิมยังไง
แน่นอนว่า รีเมคกันมาก็หลายรอบ ก็มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยครับ
สำหรับจุดเด่นของ ดาบ มังกรหยก 2019 จุดที่เห็น ๆ ว่าทำได้ดี ก็เช่น การแคสติ้งตัวนักแสดง ซึ่งสามารถทำได้โดดเด่น ทั้งตัวหลักและตัวรอง
สำหรับในส่วนของ 3 ตัวละครนำคือ เตียบ่อกี้ เตียเมี่ยง จิวจี้เยียก ใช้นักแสดงหน้าใหม่มาแรงในเวลานี้ ซึ่งก็ถือว่าแสดงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ที่เด็ดและถือว่าเรียกแฟนหนังจีนรุ่นเก่าได้ดีคือ การนำดารารุ่นใหญ่หลายคนกลับมารับบทบาทเป็นตัวละครสมทบสำคัญในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ โจวไห่เม่ย นักแสดงสาวชื่อดังของฮ่องกงที่ในอดีตเคยรับบท จิวจี้เยียก จากในดาบมังกรหยกเวอร์ชั่น 1994 (และได้ชื่อว่าเป็นจิวจี้เยียกที่งามที่สุดตลอดกาลจนถึงตอนนี้) ซึ่งก็ถือว่าเป็นฉบับที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเวอร์ชั่นนี้ซะด้วย เพราะแม้แต่เพลงเปิด ก็ยังเอาจากฉบับนี้มาดัดแปลง แถมการเขียนบทก็มีจุดที่เอาเวอร์ชั่นนั้นมาใช้
ช่วงแรกถึงช่วงกลาง การเดินเรื่องพยายามทำตามนิยายให้มากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นอีกเวอร์ชั่นที่ให้การเคารพบทประพันธ์พอสมควร (คล้ายกับของปี 2009 และเดินเรื่องได้สนุกกว่าด้วย) บทพูดก่อนบู๊ค่อนข้างกระชับ คือจะไม่เวิ่นเว้อมาก ลุยได้ลุย แต่ในช่วงท้ายจะมีการดัดแปลงเนื้อเรื่องและชะตากรรมตัวละครบางคนให้แตกต่างจากนิยายต้นฉบับ ก็มีส่วนที่คล้ายกับเวอร์ชั่น 1994 พอสมควร หากถามว่าเป็นการดัดแปลงที่ดีไหม ก็มีทั้งจุดที่ทำได้ดีกว่าฉบับ 1994 ในบางตัวละคร แต่ก็อาจจะขัดใจแฟนนิยายอยู่บ้าง
ฉากแอ็คชั่น ช่วงแรกมีจุดที่น่าตำหนิ ซึ่งทางจีนเองก็มีกระแสด่าเรื่องนี้พอสมควร คือเรื่องที่มีการใช้ภาพสโลว์โมชั่นเข้ามาช่วยในจังหวะฉากแอ็คชั่นมากเกินไป ซึ่งก็มีการปรับปรังให้ดีขึ้นในช่วงกลางเรื่อง การใช้ CG อยู่ระดับกลาง ๆ คือไม่ได้ใส่เวอร์มาก แต่ก็ไม่ได้น้อย ถ้าใครกลัวว่าเจอเจอใส่ CG เวอร์ ๆ เข้ามาเยอะก็ไม่ต้องกังวล เพราะอย่างน้อยเรื่อง CG เวอร์ชั่นนี้ก็ทำได้สมูทกว่าของปี 2003 ครับ ซึ่งคิวบู๊ได้อารมณ์เหมือนหนังกำลังภายในของฮ่องกงยุค TVB ที่เน้นกระชับ ท่าไว (ติดตรงไอ้มุกสโลว์นี่ละ ที่ช่วงแรกใช้พร่ำเพรื่อมาก)
แล้วส่วนที่ฉบับนี้ทำได้โดดเด่นมากคือการออกแบบฉาก อลังการ จัดเต็ม รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ในฉากสำคัญ ๆ การปะทะคารมของตัวละคร โดยเฉพาะตัวรอง ๆ ทำได้ดี สมราคานักแสดงรุ่นใหญ่ ภาคนี้บทของตัวละครรองอย่าง เอี้ยเซียว ดูโดดเด่นมากขึ้น
สำหรับช่วงท้าย ๆ เรื่อง เข้าใจว่าอาจจะต้องมีการตัดบางฉากออกเพื่อให้ลงตัว ทำให้มีความไม่สมูท และน่าผิดหวังในบางฉากสำคัญช่วงท้ายอยู่พอสมควร
ในภาพรวมแล้ว ดาบมังกรหยก 2019 เป็นเวอร์ชั่นที่ทำออกมาแล้ว ดูสนุก น่าติดตาม งานภาพสวย โปรดักชั่นอลังการ นักแสดงโดดเด่นมาก โดยเฉพาะตัวรอง ๆ ที่เอานักแสดงชื่อดังในอดีตมาเล่น ถ้าใครเป็นคอหนังกำลังภายในของ TVB ฮ่องกงยุค 90 จะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยาก ช่วงกลางเรื่อง พบว่าการเดินเรื่องและเนื้อหาไม่ได้ดัดแปลงแตกต่างไปจากนิยายต้นฉบับมากเกินไป แต่ไปมีดัดแปลงหนัก ๆ ช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งอาจจะทำให้แฟนนิยายอาจจะไม่ชอบตรงนี้ แต่จะว่าไป ดาบมังกรหยกถูกดัดแปลงเนื้อหาช่วงท้ายมาตลอดอยู่แล้ว เพราะช่วงบทสุดท้ายทำตามนิยายเป๊ะ ๆ เลยได้ลำบาก เนื่องจากฉากไคลแมกซ์มันหมดไปแล้วหลังจากฉากชุมนุมที่วัดเส้าหลินตอนท้ายเรื่อง แล้วเวอร์ชั่นนี้ยังมีกลิ่นอายของ ดาบ มังกรหยกฉบับ 1994 พอสมควร
ส่วนจุดด้อยที่พบหนัก ๆ คือการใช้ฉากสโลว์โมชั่นเข้ามาในฉากต่อสู้มากเกินไป ซึ่งจะแก้ไขตรงนี้ดีขึ้นช่วงกลางเรื่องไปแล้ว ดังนั้นช่วงแรกใครเจอตรงนี้เข้าไปแล้วรำคาญอาจจะต้องทำใจหน่อย รวมถึงความหน้าเด็กของ 3 ตัวละครหลัก คือ เตียบ่อกี้ เตียเมี่ยง จิวจี้เยียก ที่บางครั้งอาจจะรู้สึกว่าหน้าอ่อนกันเกินไปไหม ตัวละครเตียเมี่ยงที่ควรมีมาดนางพญาก็ดูน่ารักเกินไปหน่อย
เอาเป็นว่า ดาบ มังกรหยก 2019 คือเวอร์ชั่นที่เราสามารถดูได้สนุก คอหนังจีนรุ่นเก่าก็จะได้กลิ่นอายของดาบมังกรหยกฉบับเก่า ๆ เข้ามาผสมผสานด้วย รวมถึงการเดินเรื่องที่แสดงออกว่ามีความพยายามเดินเรื่องตามนิยายโดยไม่บิดเบือนมากจนเกินไป แม้จะมีจุดน่าขัดใจอยู่บ้างเรื่องภาพสโลว์และการเดินเรื่องช่วงท้าย ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเร่งไปไหน แถมแปลงเนื้อหาบางส่วนชาติช่วงที่ใส่ดราม่าการเสียสละเพื่อชาติเข้ามาเพิ่มมากขึ้นจากนิยาย แต่ก็ถือว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ไม่ควรพลาดครับ
ดาบมังกรหยก 2019 ตัวอย่าง
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website