รีวิว หงสาประกาศิต The Rise of Phoenixes ซีรีส์จีนฟอร์มยักษ์ใน Netflix คนชอบแนวสามก๊กและ GOT ไม่ควรพลาด
หงสาประกาศิต The Rise of Phoenixes
สรุป
เน้นเรื่องราวศึกชิงบัลลังก์ คนที่ชอบซีรีส์แนวย้อนยุคกับหักเหลี่ยมเฉือนคมแนว สามก๊ก และ Game of Throne จึงไม่ควรพลาด นักแสดงหลักและรองเล่นได้ยอดเยี่ยม บทการชิงไหวชิงพริบและแย่งอำนาจในวังทำได้เข้มข้น น่าติดตาม
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- โปรดักชั่นสุดอลังการ ฉากและคอสตูมไม่ได้ดูหลอกเกินไปเหมือนแนวย้อนยุคหลายเรื่อง
- บทและพล็อตดี น่าติดตาม แม้ว่าพล็อตบางอย่างจะเดาออกได้ไม่ยาก
- ตัวละครเอกทั้งสองฉลาด ทันเกมกันดี การกระทำของตัวละครมีเหตุมีผลรองรับพอสมควร
- เนื้อเรื่องเป็นราชวงศ์สมมติ แต่มีหลายอย่างที่สะท้อนการเมืองจีนและราชวงศ์ได้จริง ๆ
Cons
- การเล่าเรื่องในช่วงแรกจะดูสับสน ตัดสลับตัวละครไปมาค่อนข้างเยอะ
- เรื่องจะค่อยๆเล่าที่มาของเรื่อง โดยไม่เล่าออกมาตรงๆ ทำให้คนดูต้องเก็บข้อมูลจากมุมมองของตัวละครต่างๆเอง
- เรื่องนี้ไม่เน้นฉากสงครามหรือฉากแอ็คชั่น ใครคาดหวังตรงนี้อาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่
- การเดินเรื่องและบทในช่วงท้ายมีดรอปลงไปพอสมควรถ้าเทียบกับช่วงกลาง ๆ ที่เรื่องราวพีคมาก
หงสาประกาศิต The Rise of Phoenixes รีวิว สปอยล์ แนะนำตัวละคร ซีรีส์จีนย้อนยุคฟอร์มยักษ์ใน Netflix เรื่องราวของศึกชิงบัลลังก์ คนชอบเรื่องราวแนว สามก๊ก และ Game of Throne ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
หงสาประกาศิต (The Rise of Phoenixes) ฉบับซีรีส์ สร้างจากต้นฉบับที่มาจากนิยายดังในชื่อเดียวกันจากผลงานของนักเขียนหญิง เทียนเซี่ยกุยหยวน นิยายมีฉบับลิขสิทธิ์แปลไทยแล้วกับ สนพ.นวนิตา ดัดแปลงเป็นฉบับซีรีส์ในปี 2018 ทั้งหมด 70 ตอน ซึ่งสามารถรับชมแบบบรรยายซับภาษาไทยถูกต้องตามลิขสิทธิ์ได้ทาง Netflix
เรื่องนี้ยังถือว่าเป็นซีรีส์จีนแผ่นดินใหญ่แนวย้อนยุคประวัติศาสตร์เรื่องแรกที่ Netflix ได้ตัดสินใจขอซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาแบบเต็มตัวตั้งแต่เรื่องเพิ่งเริ่มฉายไปเพียงไม่กี่ตอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเรื่องนี้เป็นกระแสที่จีนในช่วงก่อนหน้าที่จะออกฉายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโปรดักชั่นสุดอลังการและความโด่งดังของนักแสดงนำ ซึ่งก็ทำให้ทาง Netflix คาดหวังว่า นี่จะเป็นการกรุยทางสำหรับตลาดของผู้ชมที่พูดภาษาจีนกลางที่เป็นตลาดใหญ่มาแรงของโลก
หงสาประกาศิต เรื่องย่อ ฉบับซีรีส์ใน Netflix
เนื่อเรื่องจะจับความในยุคสงครามระหว่างแคว้น เมื่อสกุลหนิงแห่งราชวงศ์เทียนเชิ่งได้โค่นล้มราชวงศ์ต้าเฉิง จากนั้นก็สถาปนาความยิ่งใหญ่ ขึ้นปกครองแผ่นดิน แต่ในการแย่งชิงแผ่นดินครั้งนี้ กลับมีเบื้องหลังอันสลับซับซ้อน
หนิงอี้ องค์ชายหก ผู้สุขุมเยือกเย็นและมีสติปัญญาลึกซึ้ง แต่เขาถูกฮ่องเต้สั่งจองจำอยู่ในวัดเนื่องจากถูกใส่ความว่าเกี่ยวข้องกับคดีการก่อกบฏขององค์ชายสามซึ่งเป็นพี่ชายของเขา จากนั้นเขาใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการทอผ้าขายจนดูเหมือนคนที่ไม่คิดสนใจชิงอำนาจในวังอีก แต่ที่จริงแล้วเขาเก็บงำความแค้นและวางแผนจัดการศัตรูที่ขวางทางตนทุกคน กระทั่งโอกาสก็มาถึง เมื่อเขาได้สร้างผลงานด้วยการใช้เงินที่ได้จากการขายผ้ามาช่วยเหลือราชสำนักแก้ปัญหาอุทกภัย ทำให้ได้รับการอภัยโทษ รวมถึงเกิดเหตุการณ์ที่องค์กรนักฆ่าของราชวงศ์เทียนเชิ่งในอดีตที่ชื่อว่า กลุ่มเจดีย์โลหิต ได้ลุกขึ้นมาก่อการ หนิงอี้จึงใช้โอกาสนี้สืบหาเบื้องหลังว่าใครคือผู้วางแผนใส่ความองค์ชายสามเพื่อหาทางแก้แค้น
อีกทางหนึ่ง เฟิ่งจื่อเว่ย เด็กสาวที่เฉลียวฉลาด รอบรู้วิชาการมากมาย เป็นคุณหนูสกุลชิวที่ชีวิตถูกตราหน้าเนื่องจากมารดาถูกหาว่าหนีตามผู้ชายอื่นแล้วต้องกลับมาพึ่งพิงสกุล เธอและมารดากับน้องชายจึงถูกกดขี่มาตลอด แต่ที่จริงแล้วมารดาของเธอเองก็ปิดบังเรื่องชาติกำเนิดที่ซับซ้อนของเธอไว้ ในที่สุดก็ถูกไล่ล่าสังหาร ภายหลังยังกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มเจดีย์โลหิต ทำให้ต้องหาทางหนีเอาตัวรอด แต่แล้วด้วยโชคชะตา ทำให้เธอได้มาพบกับ หนิงอี้ จากนั้นทั้งสองก็ต่างร่วมมือและใช้ประโยชน์ระหว่างกันเพื่อเป้าหมายของตนเอง ท่ามกลางการแก่งแย่งอำนาจในราชสำนักที่ “หากเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา” แต่ท่ามกลางการแก่งแย่งผลประโยชน์เหล่านี้ ทั้งสองคนกลับมีจิตใจที่ผูกพันให้กันมากขึ้นทุกที แม้ว่ามันจะเริ่มสวนทางกลับเป้าหมายของทั้งสองก็ตาม
ที่จริงแล้วเรื่องอยู่ในยุคสมัยไหน??
อันที่จริงแล้วในเรื่อง หงสาประกาศิต ตามต้นฉบับนิยาย ราชวงศ์เที่ยนเชิ่งและราชวงศ์ต้าเฉิงที่ถูกเขียนถึงนั้นเป็นราชวงศ์สมมติ แต่ในเรื่องกลับมีรายละเอียดบางอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะทำให้ราชวงศ์สมมติในเรื่องมีความน่าจะเป็นว่าอาจจะอยู่ในช่วงยุค 5 ราชวงศ์ 10 อาณาจักร ซึ่งอยู่หลังยุคถัง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศจีนมีการแบ่งแยกดินแดนออกเป็นแคว้นน้อยใหญ่ กระทั่งแตกออกเป็นแคว้นทางเหนือและใต้ที่มีการทำสงครามกัน เนื่องจากในซีรีส์มีการเอ่ยถึงชื่อของ เจียงจื่อหยา ในต้นราชวงศ์โจว และ จูกัดเหลียง ขงเบ้ง จากในยุคสามก๊ก รวมถึงยังมีการยกเอาตำราของหลี่ปู้เหว่ยที่เขียนในสมัยแคว้นฉิน ขึ้นมาพูดในเรื่องด้วย
หงสาประกาศิต ตัวอย่าง The Rise of Phoenixes Trailer
หงสาประกาศิตตัวละครหลัก
เฟิ่งจื่อเว่ย รับบทโดย หนีหนี่
เด็กสาวผู้เฉลียวฉลาด มากไหวพริบ ยึดมั่นคุณธรรม คุณหนูสกุลชิวผู้ถูกกดขี่จากครอบครัวตนเอง ทำให้เธอและมารดากับน้องชายต้องโดนดูถูกอยู่หลายปี แต่ที่จริงแล้วมารดาของเธอได้ปิดบังชาติกำเนิดบางอย่างเอาไว้ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอและมารดาต้องถูกตามล่ามือสังหาร
แต่แล้วเฟิ่งจื่อเว่ยก็มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือจากหนิงอี้ รวมถึงได้เข้าทำงานในสำนักโคมเขียว แล้วยังได้เข้าศึกษาจนเป็นบัณฑิตในสำนักชิงหมิง ระหว่างนั้นชีวิตของเธอก็ต้องถูกพาเข้าไปพัวกันกับการแก่งแย่งอำนาจในราชสำนัก ทำให้เธอต้องใช้สติปัญญาและความกล้าหาญในการเอาตัวให้รอด ขณะเดียวกันก็คอยช่วยเหลือเกื้อหนุนหนิงอี้ไปด้วย แม้ว่าเธอจะไม่ชอบวิธีการและความเลือดเย็นในการจัดการศัตรูของเขาก็ตาม ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้มีความผูกพันทางใจกับหนิงอี้ไปแล้ว
อันที่จริงใน หงสาประกาศิต ฉบับนิยาย บทของเฟิ่งจื่อเว่ยจะเป็นตัวละครนำในการเดินเรื่อง แต่ในฉบับซีรีส์ใน Netflix จะมีการปรับบทของหนิงอี้ให้ขึ้นมาเป็นตัวนำอีกคน
หนิงอี้ รับบทโดย เฉินคุน
องค์ชายหก หรือ ฉู่อ๋อง แห่งราชวงศ์เทียนเชิ่ง มีสติปัญญาล้ำลึก สุขุมรอบคอบ อีกด้านหนึ่งเขายังเป็นคนเลือดเย็นและมีความเด็ดขาดมาตั้งแต่เล็ก ต่อมาเขาถูกฮ่องเต้สั่งจองจำที่วัดอยู่นาน 8 ปี ใช้เวลาไปกับการทอผ้าขาย เมื่อถูกปล่อยตัว ก็เริ่มวางแผนอุบายมากมายเพื่อหาทางแก้แค้น และสะสางมลทินให้กับพี่ชายที่รักที่สุดคือองค์ชายสาม
โดยปกติ หนิงอี้มักเสแสร้งทำเป็นใสซื่อเพื่อลวงคนอื่นว่าตนไม่ได้คิดแก่งแย่งอะไร แต่ที่จริงแล้วหนิงอี้มักวางแผนไว้ล่วงหน้า 2-3 ก้าวก่อนเสมอ ถ้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาพร้อมจะทำทุกอย่างต่อให้ต้องสังเวยชีวิตคนอื่นก็ตาม แต่สุดท้ายเขากลับมีใจหวั่นไหวให้กับเฟิ่งจื่อเว่ย
สำหรับใน หงสาประกาศิต ฉบับซีรีส์ใน Netflix จะมีการปรับบทให้หนิงอี้เป็นตัวละครนำ ในขณะที่นิยายต้นฉบับบทนำจะเป็นของเฟิ่งจื่อเว่ยเป็นหลัก
ฮ่องเต้ หนิงซื่อเจิง รับบทโดย หนีต้าหง
ฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เทียนเชิ่ง โค่นล้มราชวงศ์ต้าเฉิง เป็นฮ่องเต้ที่มีสติปัญญามาก พยายามที่จะหาทางปกครองบ้านเมืองด้วยคุณธรรม แต่เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งและแก่งแย่งอำนาจกันเองของเหล่าองค์ชายที่มีหลายคนทำให้กลัดกลุ้มมาก มองออกว่าแท้จริงแล้วหนิงอี้มีสติปัญญาและความเด็ดขาด ต่อมาได้พบกับเฟิ่งจื่อเว่ย แล้วก็ประทับใจในสติปัญญาและความตรงไปตรงมา จึงแต่งตั้งให้เป็นขุนนาง
ซินจื่อเยี่ยน
อาจารย์ใหญ่แห่งสำนักชิงหมิง มีสติปัญญาเฉียบแหลม วาทะศิลป์เป็นเยี่ยม เบื้องหน้าแสดงตัวว่าเอนเอียงเข้าข้างองค์รัชทายาทหนิงชวน แต่แท้จริงแล้วเขาแอบวางแผนกับหนิงอี้เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับคดีขององค์ชายสาม และคอยสนับสนุนหนิงอี้อย่างลับ ๆ
กู้หนานอี
จอมยุทธ์หนุ่มผู้เงียบขรึม อดีตมือสังหารของกลุ่มเจดีย์โลหิต เป็นลูกศิษย์ของจงเฉินซึ่งเป็นอาจารย์ที่สอนหนังสือให้กับเฟิ่งจื่อเว่ย ต่อมากลายเป็นองครักษ์ส่วนตัวให้กับเฟิ่งจื่อเว่ย ภายหลังจากเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ร่วมกันมานาน เขาจึงมองเธอเป็นคนสำคัญในชีวิต อีกด้านหนึ่งเขายังคงคอยรับคำสั่งลับ ๆ จากจงเฉินในปฏิบัติการต่าง ๆ เพื่อปกป้องชีวิตของเฟิ่งจือเว่ยและความลับบางอย่าง
บุคลิกของหนานอีเป็นคนไม่ค่อยพูดจา อีกทั้งไม่ค่อยเข้าใจสามัญสำนักของคนปกติในการปฏิสัมพัทธ์กับผู้คนทั่วไปเท่าไรนัก แต่ก็ค่อย ๆ เรียนรู้มากขึ้นหลังจากใช้ชีวิตกับเฟิ่งจือเว่ย
เฮ่อเหลียนเจิง
ผู้สืบทอดของเผ่าจินซีอที่อยู่ทางเหนือ ตกหลุมรักในความเข้มแข็งของเฟิ่งจื่อเว่ย แล้วก็มุ่งหวังอยากได้นางมาเป็นภรรยา แล้วยังเสนอตัวที่จะช่วยให้นางได้บรรลุเป้าหมายด้วย
จินซื่อหยู
องค์ชายสามแห่งแคว้นต้าเยวี่ย เขาต้องการแก้แค้นให้บิดาและพี่น้องที่ตายเพราะทหารของหนิงอี้และเฮ่อเหลียงเจิง ภายหลังเขาจับตัวเฟิ่งจื่อเว่ยเป็นตัวประกัน แล้วเขาก็รู้สึกทึ่งในสติปัญญาและความกล้าหาญของนาง จึงตกหลุมรักนางอีกคน
หัวฉยง
หญิงสาวจากหมู่บ้านชาวประมงที่เผชิญโชคชะตาจนกลายเป็นเพื่อนสนิทของเฟิ่งจื่อเว่ย เธอมีจิตใจดี มีสติปัญญา มีความสามารถในการรบ และยังมีไหวพริบในการแก้ปัญหายามที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตราย เธอได้เป็นคู่หมั้นของเยี่ยนหวายฉือ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเฟิ่งจือเว่ย ต่อมาเธอได้เข้าร่วมในกองทัพเทียนเซิ่ง รวมถึงได้ติดตามเฟิ่งจือเว่ยไปที่จินซือ แล้วได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพหญิง
หนิงเฉิง
องครักษ์คู่กายของหนิงอี้ มีฝีมือยุทธ์ดี และมีความภักดีต่อหนิงอี้มาก คอยทำหน้าที่ช่วยงานหนิงอี้ในการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เขายังมีความเป็นห่วงเรื่องที่หนิงอี้มีใจให้กับเฟิ่งจื่อเว่ยมากเกินไปจนอาจจะเสียการใหญ่ได้ หนิงเฉิงเป็นหนึ่งในคนที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อหนิงอี้ ภายหลังเขากลายเป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างหนิงอี้และกู้หนานอี ซึ่งส่งผลกระทบถึงเหตุการณ์ร้ายแรงในเวลาต่อมา
จ้าวเหยี่ยน
หัวหน้าขันทีคนสนิทคู่กายของฮ่องเต้ เป็นคนมีไหวพริบดี มักสังเกตสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวัง และคอยรายงานฮ่องเต้ เขาเป็นหนึ่งในคนที่มีความภักดีต่อฮ่องเต้อย่างสูงมาก ทั่วไปแล้วค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องที่เหล่าองค์ชายวางแผนชิงอำนาจกัน แต่เขากลับถูกดึงเข้าไปพัวพันในแผนการใหญ่ของบางคนโดยไม่รู้ตัว เขายังเป็นคนเดียวที่รู้ความลับสำคัญเกี่ยวกับหนิงอี้และฮ่องเต้ด้วย
รัชทายาทหนิงชวน
องค์รัชทายาทแห่งเทียนเซิ่ง มีสกุลฉางซึ่งเป็นอ๋องแห่งหมินไห่ที่มีกำลังทหารมากคอยหนุนหลัง ได้ตำแหน่งรัชทายาทมาครองด้วยการใช้แผนอุบายเมื่อครั้งอดีต เขายังเป็นคนที่เกี่ยวพันกับคดีขององค์ชายสามด้วย จึงทำให้คอยระแวงหนิงอี้ที่ถูกปล่อยตัวจากวัดจงเจิ้งว่าจะมาแย่งชิงอำนาจจากตนเอง
องค์ชายรองหนิงเชิง
องค์ชายรองแห่งเทียนเซิ่ง บุคลิกสุขุมเยือกเย็น ภายนอกแสดงตัวว่าสนับสนุนรัชทายาทหนิงชวน แต่เบื้องหลังคอยหาโอกาสบางอย่างอยู่ เขายังเป็นจอมวางแผนประเภทนั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกัน แล้วยังเป็นไม่กี่คนที่มองออกแต่แรกว่าหนิงอี้ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวจากการจองจำ ที่จริงแล้วคือตัวอันตราย
พระสนมฉาง
หญิงสาวจากสกุลฉางที่ทรงอำนาจ เป็นพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ เธอเป็นแม่แท้ๆของหนิงเชิง แล้วยังเป็นน้องสาวของฮองเฮาซึ่งเป็นแม่ของหนิงชวนและเฉาหนิงที่สิ้นไปแล้ว เธอยังมีความหวาดระแวงการกลับมาราชสำนักของหนิงอี้และหนิงฉีไม่น้อย
องค์หญิงเฉาหนิง
องค์หญิงผู้เอาแต่ใจ ปลอมตัวเข้าไปศึกษาในสำนักชิงหมิง จึงได้พบกับเฟิ่งจื่อเว่ยที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย ช่วงแรกไม่ถูกกับอีกฝ่ายมาก แต่หลังจากเหตุการณ์หลายอย่างทำให้กลายเป็นตกหลุมรักจื่อเว่ยที่ปลอมเป็นผู้ชาย แต่ภายหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง ทำให้เธอเพาะความแค้นกับหนิงอี้ชนิดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
องค์ชายเจ็ดหนิงฉี
องค์ชายที่เกิดจากพระสนมที่มีตำแหน่งต่ำต้อย แต่ได้เป็นแม่ทัพคุมทหารชายแดนอยู่นานหลายปี ต่อมาหลังจากหนิงอี้จัดการกวาดล้างศัตรูในราชสำนัก ทำให้ตำแหน่งสำคัญในราชสำนักว่างลง หนิงฉีถูกเฟิ่งจื่อเว่ยเสนอชื่อต่อฮ่องเต้ให้เรียกตัวกลับมาเพื่อรับตำแหน่งในราชสำนัก ภายหลังเขามองว่าหนิงอี้คือศัตรูคนสำคัญ
เบื้องหน้า หนิงฉีเป็นองค์ชายที่สุภาพ ใจเย็น ดูไม่ฝักใฝฝ่ายใด แต่แท้จริงแล้วเขาแอบแฝงความทะเยอทะยานและความเลือดเย็นที่พร้อมจะจัดการศัตรู หากเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ทำไม Netflix ถึงเลือกซีรีส์เรื่องนี้เพื่อบุกตลาดจีน
หงสาประกาศิต ถือว่าเป็นซีรีส์จีนแนวย้อนยุคเรื่องแรกที่ Netflix ตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาโดยตรง ซึ่งที่จริงแล้วตัวซีรีส์เองก็เป็นผลงานที่มีกระแสมากในตอนที่ออกฉายอยู่แล้ว โดยมีการทุ่มทุนสร้างสุดอลังการที่สุดเรื่องหนึ่ง มีความยาวมากถึง 70 ตอน
ตัวโปรดักชั่นนอกจากเป็นผลงานฟอร์มยักษ์แล้ว ในแง่นักแสดงยังได้ดารานำที่โดดเด่น คือนักแสดงและนักร้องหนุ่มมาแรงอย่าง เฉินคุน และดาราสาวอย่าง หนีหนี่ มารับบทนำ ในขณะที่บทตัวละครรอง ก็ได้ดาราอาวุโสมากฝีมืออย่างเช่น หนีต้าหง ที่หลายคนอาจคุ้นตามาก่อนจากบทบาทการแสดงเป็น สุมาอี้ ในซีรีส์ฟอร์มยักษ์อย่าง “สามก๊ก 2010” ดังนั้นจึงถือว่าในส่วนของทีมนักแสดงได้จัดเต็มมากสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ ตรงนี้ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Netflix ถึงได้คาดหวังนัก
ในส่วนของพล็อตเรื่องและการเดินเรื่อง จะเน้นไปที่การชิงไหวชิงพริบเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของแต่ละฝ่าย และการแก่งแย่งอำนาจในราชสำนัก ที่ทุกฝ่ายพร้อมจะหักหลังกันหรือร่วมมือกันได้ หากเพื่อเป้าหมายหรือผลประโชน์ของตนเอง นี่จึงไม่ใช่เรื่องที่เน้นแนวโรมานซ์มากนัก ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีเลยครับ แล้วหากเทียบกับเรื่องแนวนี้ในช่วงหลายปีหลัง ถือว่าเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก ๆ แม้ว่าจะมีบทบางตอนที่ดูไม่สมเหตุผลหรือง่ายเกินไปบ้าง แต่ในภาพรวม รวมถึงฉากสำคัญ ๆ ก็ทำออกมาได้ลุ้นดีครับว่าเหล่าตัวละครในเรื่องจะแก้เกมกันยังไง
สำหรับจุดเด่นของเหล่าตัวละครในเรื่องก็คือ บทบาทของคู่พระเอก-นางเอก เนื่องจาก หนิงอี้และเฟิ่งจื่อเว่ย ต่างก็ฉลาดและมีไหวพริบในการแก้ไขปัญหากันทั้งคู่ เพียงแต่ในช่วงแรก เฟิ่งจื่อเว่ย ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ภาพรวมเท่าไหร่ ทำให้ตัดสินใจด้วยความใจร้อนพอสมควร เพราะปัญหาช่วงแรกเกี่ยวพันกับชีวิตของครอบครัวตนเองด้วย แต่หลังจากนางเอกของเราเริ่มเข้าใจสถานการณ์และรับรู้แล้วว่าชีวิตตนเองอยู่ในอันตรายขนาดไหน รวมถึงอีกฝ่ายพร้อมจะใช้ทุกวิธีมากแค่ไหน เธอก็เริ่มใช้สติปัญญาหาทางป้องกันและเอาตัวรอดได้มากขึ้นเรื่อย ๆ นี่จึงเป็นนางเอกที่คนดูจะหลงรักได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนข้อด้อยจะมีอยู่บ้างก็ตรงที่คาแรคเตอร์ของนักแสดง หนีนี่ ในแง่ของบทและการแสดงออก เธอไม่ใช่นักแสดงหรือตัวละครสายน่ารักหรือสายแบ๊วเท่าไรนัก เพราะแม้แต่ตอนที่เธอทำตัวน่ารัก แต่สีหน้าท่าทางก็ยังแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและเฉลียวฉลาด ดังนั้นใครที่ชอบดูนางเอกหน้าตาน่ารัก ๆ เลยอาจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ในแง่ความสมจริงและความเข้มข้นในการเดินเรื่อง ถือว่าตัวละครผ่านเลยครับ แล้วในหลายตอน นางเอกก็รู้วิธีที่จะ “อยู่เป็น” หรือตีเนียน ท่ามกลางเหล่าคนมีอำนาจที่พร้อมฆ่าคนอื่นได้ง่าย ๆ
ในฝั่งของพระเอก การเดินเรื่องก็จะคู่ขนานกันแต่ก็จะเชื่อมโยงกับบทของนางเอกเรื่อย ๆ เมื่อตัวละครหนิงอี้ก็ต้องเผชิญกับการแย่งชิงอำนาจในราชสำนักที่ก็มีความรุนแรงและทุกคนพร้อมจะใช้ทุกวิธีการเช่นกัน ตรงนี้ใครชอบพระเอกที่ฉลาด ๆ หรือตีเนียนเก่ง ๆ เอาตัวรอดเป็น มีแนวโน้มที่จะชอบเรื่องนี้ครับ แล้วตัวหนิงอี้ก็เป็นตัวเอกประเภทที่พร้อมจะใช้วิธีการสายดาร์กมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ดังนั้นในภาพรวมการเดินเรื่องจึงเป็นลักษณะที่เราต้องลุ้นไปว่า แล้วตัวเอกทั้งสองคนจะยังเกื้อหนุนกันไปได้ตลอดรอดฝั่งไหม แล้วระหว่างนั้นความรักของพวกเขามันจะบรรจบกันได้ไหม ในเมื่อยิ่งนานวันเข้า ทั้งสองคนก็ยิ่งเลือกทางเดินที่คู่ขนานกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ไปด้วย
อีกจุดที่เรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างเด็ดขาด ก็คือการกำจัดตัวละคร โดยเฉพาะในช่วงแรก บางตัวละครที่เราไม่ได้คาดคิดว่าจะตายหรือถูกกำจัดง่าย ๆ แต่บทจะไปก็ไปกันแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งก็สมจริงดีกับสถานการณ์แย่งชิงอำนาจในเรื่องที่ตัวละครค่อนข้างจะมีความเลือดเย็นกันครับ
หงสาประกาศิต สปอยล์
สำหรับการแบ่งบท Arc ในเรื่อง จะแบ่งหลักๆได้เป็น
บทแรก ศึกกับรัชทายาทหนิงชวน – บทนี้เปิดตัว หนิงอี้และเฟิ่งจือเว่ย รวมถึงเหล่าตัวละครหลักในเรื่อง เรื่องในช่วงนี้เน้นการวางแผนชิงอำนาจ โค่นล้มรัชทายาทหนิงชวน ซึ่งฝ่ายหนิงอี้มีการวางแผนหลอกหลายชั้น แล้วยังแสดงให้เห็นถึงความหน้าตายกลิ้งกลอกของหนิงอี้ ในบทนี้ยังเป็นการพาตัวละครเฟิ่งจือเว่ยให้เข้ามาสู่วังวนการชิงอำนาจในวังอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่ได้เต็มใจ โดยจือเว่ยจะปลอมตัวเป็นชาย แล้วได้ตำแหน่งในฐานะบัณฑิตที่ถูกเลือกให้เข้ามาทำงานใกล้ชิดฮ่องเต้
บทแรกยังมีการเล่าถึงเรื่องราวในอดีตของกลุ่มเจดีย์โลหิต ว่าเกี่ยวข้องยังไงกับรัชทายาท และมีการแย้มชาติกำเนิดที่แท้จริงของจือเว่ยด้วย
บทสอง ศึกกับองค์ชายรองหนิงเชิง – บทนี้เริ่มขยายสเกล ด้วยการต่อสู้กับองค์ชายรองหนิงเชิงที่มีสกุลฉางที่กุมอำนาจทหารในดินแดนของตนเองคอยหนุนหลัง รวมถึงการมาของหนิงฉีที่มีความสุภาพเยือกเย็น ดูแล้วไม่เข้าข้างฝ่ายใด บทนี้ยังเปิดตัวกลุ่มจากแคว้นอื่น โดยเฉพาะองค์ชายเฮ่อเหลียนเจิงที่เข้ามาตกหลุมรักเฟิ่งจือเว่ย
ในบทสอง ยังคงเน้นที่การชิงอำนาจในวังหลวงสลับกับการวางแผนกุมอำนาจทหารนอกวัง และหนิงอี้เริ่มมีศัตรูหัวใจอย่างเฮ่อเหลียนเจิงเข้ามาด้วย บทนี้ยังเริ่มเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างจือเว่ยที่ได้ทำงานใกล้ชิดฮ่องเต้มากขึ้น ในขณะที่องค์หญิงเจาหนิงก็แค้นหนิงอี้และหาทางจะสังหารเขาให้ได้ บวกกับต้องการแต่งงานกับจือเว่ยที่เธอนึกว่าเป็นผู้ชาย
บทสาม ศึกกับหนิงฉี ปราบกบฏภายในจินซือ และสยบแคว้นเยวี่ย – เป็นผลพวงต่อเนื่องมาจากสองบทแรก เมื่อความลับของจือเว่ยถูกเปิดเผย แล้วนำไปสู่ความแค้นที่เธอมีต่อฮ่องเต้ และเรื่องราวเริ่มพาออกไปดินแดนอื่น เมื่อจื่อเว่ยได้ไปแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเจิง ในขณะที่หนิงอี้ได้เจอกับศัตรูที่มีความร้ายกาจสูสีกันอย่างหนิงฉี ที่พร้อมใช้ทุกวิธีการโค่นล้มหนิงอี้ และหาทางชิงตำแหน่งรัชทายาท
ในบทสาม จะเป็นบทสรุปของเรื่องราวรวมถึงคลี่คลายปมหลายอย่างที่ปูมาตั้งแต่บทแรกและบทสอง ส่วนที่น่าเสียดายที่สุดคือ เรื่องเดินทางไปถึงบทสรุปได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ มีบาทเหตุการณ์ที่ตัวละครบางคนที่ฉลาดมาทั้งเรื่องกลับพลาดง่ายๆแถมยังสร้างความเสียหายอย่างหนักด้วย แต่ถ้ามองในแง่ความเรียลแล้วมันก็เป็นไปได้อยู่ ในขณะที่ตอนจบน่าเสียดายว่าห้วนเกินไปหน่อย ตัวซีรีส์น่าจะดึงเอาเวลาแอร์ไทม์ของตอนก่อนๆหน้านี้มาใช้ขยายตอนจบให้นานขึ้นสัก 15-20 นาที ก็น่าจะทำฉากจบของเรื่องให้ออกมาได้ดีกว่านี้
โดยสรุปแล้ว ใครที่ชอบซีรีส์จีนยุคโบราณ หรือเรื่องแนวชิงอำนาจในวัง หักเหลี่ยมเฉือนคม ต้องไม่พลาดเรื่องนี้ครับ เพราะเป็นซีรีส์จีนในแบบที่ขาดหายไปนานมาก หลังจากที่ช่วงหลังเรื่องแนวนี้ส่วนมากไปเน้นทำมุมโรมานซ์กับดราม่าจัด ๆ ซะเยอะ เพียงแต่ปัญหาคือช่วงแรก ๆ อาจจะรู้สึกมึนงงกับการเล่าที่มาที่ไปของเรื่องและความขัดแย้งต่าง ๆ ที่ค่อนข้างซับซ้อน ทำให้ต้องใช้เวลาดูเพื่อตั้งหลักอย่างน้อย 2-3 ตอน พอเริ่มเข้าใจสถานการณ์ของตัวละครในเรื่องแล้ว ความสนุกจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงท้าย ๆ บทและการเดินเรื่องจะมีดรอปไปบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดอ่อนของซีรีส์จีนในยุคหลัง ๆ ที่พอถ่ายทำไปเรื่อย ๆ แล้วพบว่าเนื้อเรื่องช่วงท้ายถูกรีบเร่งเพื่อให้ขมวดเรื่องลงให้ได้ ซึ่งในช่วงท้ายของ หงสาประกาศิต ก็มีปัญหาในส่วนนี้อยู่เหมือนกัน แต่เมื่อหักลบกลบทั้งหมดแล้ว ก็ถือว่านี่คือซีรีส์ชั้นเยี่ยมที่ควรค่าแก่การรับชมครับ ซึ่งเราสามารถรับชมเรื่องนี้แบบซับไทยได้ทาง Netflix
ส่วนคนที่สนใจฉบับนิยาย รายละเอียดของเรื่องก็จะแตกต่างกันไปพอสมควรเลยครับ แต่โครงเรื่องหลักยังคล้ายกันอยู่ ซึ่งในหนังสือจะใช้การเล่าเรื่องผ่านทางนางเอกคือเฟิ่งจื่อเว่ยเป็นตัวเดินเรื่องหลัก แต่ในขณะที่ซีรีส์จะเลือกดันบทหนิงอี้ ขึ้นมาเป็นตัวเดินเรื่องหลักควบคู่ไปกับบทของเฟิ่งจือเว่ย ซึ่งก็เป็นการปรับเปลี่ยนที่ทำได้ดีครับ
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website