playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Cobra Kai ss4 การกลับมาของคอบราไคที่ยังสนุก คารวะหนัง The Karate Kid ทั้งสามภาค

สรุป

ซีรีส์ภาคต่อชั้นดีที่คารวะหนัง The Karate Kid ทั้งสามภาค มีการเขียนบทได้สนุก อาจจะยังเป็นหนังเด็กที่ดราม่าตัวละครวนไปวนมาจนบางทีน่ารำคาญสักหน่อย แต่เรื่องฉากแอ็กชั่นยังทำได้ดีในแง่ของหนังเด็ก

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ฉากต่อสู้แอ็กชั่นทำได้ดีขึ้น
  • มีการอธิบายแนวทางวิชาคาราเต้แบบจริงจังมากขึ้น นามธรรมลดลง
  • ทีมนักแสดงเด็กเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ
  • นักแสดงผู้ใหญ่ใช้ท่าคาราเต้ได้ดีขึ้นเยอะ
  • ดึงตัวละครจากหนังไตรภาคเก่ามาได้คุ้มดี เป็นการขายแฟนรุ่นเก่าแบบ Nostalgia
  • จิกกัดวิพากษ์สังคมวัยรุ่นและการบูลลี่ในโรงเรียน

Cons

  • ฉากคาราเต้บางท่าดูโอเวอร์เหมือนเล่นกายกรรมเกินไปหน่อย
  • ดราม่าตัวละครมักวนไปมา
  • บางฉากค่อนข้างน่ารำคาญพฤติกรรมตัวละคร

ADBRO

Cobra Kai ss4 Netflix รีวิว ซีรีส์ คอบราไค เข้าสู่ซีซัน 4 แล้ว สำหรับเรื่องราวภาคต่อจากหนังไตรภาค Karate Kid ใน 3 ภาคแรก โดยภาคนี้จะเป็นบทสรุปการแข่งขันออลวัลเลย์ เพื่อชิงชัยว่าสำนักไหนกันระหว่าง มิยากิโด อีเกิลแฟง และ คอบราไค ฝ่ายไหนคือสำนักอันดับหนึ่ง พร้อมกับการเดิมพันที่ฝ่ายแพ้ต้องยุติสำนัก แต่เรื่องราวมันก็ไม่ง่ายแบบนั้นเพราะมีตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมากขึ้นในซีซันนี้ แล้วยังเป็นการสำรวจจักรวาล Karate Kid ที่ลึกลงไปอีก แถมยังปูทางไปสู่ซีซัน 5 ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นเรื่อยๆด้วย เรียกว่างานนี้ไปต่อกันยาวๆสบายเลย

รับชมได้เลยใน Netflix

รีวิว ซีซัน 1-3

ตัวอย่าง Cobra Kai ss4 Netflix Trailer

Cobra Kai ss4 เรื่องย่อ

ในซีซันนี้จะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากซีซันที่สามที่ความขัดแย้งระหว่างทั้งสามสำนักกำลังเข้มข้นถึงขีดสุด และการแตกหักกันระหว่าง จอห์นนี่ กับ ครีส ที่ทำให้จอห์นนี่ตัดสินใจแยกสำนักออกมาก่อตั้ “อีเกิลแฟง” ซึ่งเป็นเสมือนแนวทางคาราเต้แบบคอบราไคที่ลดความโหดเหี้ยมลง หันมาใช้วิธีการต่อสู้ที่ขาวสะอาด มีน้ำใจนักกีฬา แสดงความนับถือคู่ต่อสู้ เพียงแต่ก็ยังเน้นแนวทางการใช้คาราเต้สายรุก ก้าวร้าว เป็นจุดแข็ง

โดยบทสรุปของซีซันสามนั้น ครีส ใช้กลลวงเพื่อดึงตัวร็อบบี้ ลูกชายคนเดียวของจอห์นนี่ให้หันมาอยู่ฝ่ายเดียวกับตน และยังฮุบสำนักคอบราไคไปครองได้ แต่แล้วจอห์นนี่ก็หันไปสงบศึกกับ แดเนียลชั่วคราว

ในขณะที่แดเนียลก็มองว่าเขาไม่อาจปล่อยให้คอบราไคลอยนวลและทำให้คาราเต้ในวิถีทางของอาจารย์มิยากิผู้ล่วงลับเสื่อมเสีย นั่นทำให้ศัตรูคู่แค้นทั้งสองคนยอมเลิกความบาดหมางต่อกันแล้วหันมาจับมือเป็นพันธมิตร ให้เด็กๆทั้งสองสำนักจากมิยากิโดและอีเกิลแฟงได้ฝึกวิชาร่วมกันเพื่อเตรียมเข้าแข่งขันในศึกคาราเต้ออลวัลเลย์ ซึ่งจะต้องเผชิญหน้ากับทีมของคอบบราไค โดยมีเดิมพันว่า หากฝ่ายใดแพ้ ฝ่ายนั้นต้องยุติการสอน ซีซันนี้จึงเป็นเสมือนบทสรุปในครึ่งที่สองของเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างสามสำนัก

Cobra Kai ss4Cobra Kai ss4 รีวิว

ก่อนอื่นเลยหนึ่งในคำถามสำคัญที่หลายคนอาจจะถามก่อนดูเรื่องนี้ก็คือ ควรต้องรู้เรื่องราวใน The Karate Kid ทั้ง 3 ภาค มาก่อนแค่ไหน ซึ่งถ้าใครโตมาจากยุค 80-90 ก็น่าจะได้ผ่านสายตากับหนังคลาสสิกชุดนี้มาบ้าง แต่ถ้าหากยังไม่เคยดูมาก่อนแล้วจะดูซีรีส์เรื่องนี้สนุกไหม คำตอบก็คือ “สามารถดูได้เลยโดยไม่ต้องเคยดูหนัง 3 ภาคแรกครับ” (ส่วนหนังภาคของเฉินหลง และ จาเด็ม สมิธ ไม่เกี่ยวนะ)

ตรงนี้มีข้อเด่นอย่างหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้ที่ต้องขอชื่นชมทีมสร้างเลยก็คือ เรื่องนี้สามารถรักษาธีมบางอย่างจากภาพยนตร์ไตรภาคชุดเดิมไว้ได้ นั่นคือ “ความเป็นหนังเด็ก” หรือเรียกง่ายๆ ว่าหนังแนว Coming of Age ที่เกี่ยวกับการเติบโตและก้าวผ่านวัยเด็กสู่วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ของตัวเอก ซึ่งก็คือ แดเนียล ลารุสโซ่ โดยมีตัวละคร “มิยากิ” ที่มาพร้อมกับวิชาคาราเต้และปรัชญาตะวันออกมากมาย โดยเฉพาะแนวทางเซน และหยินหยาง ในการกล่อมเกลาจิตใจและร่างกายให้แดเนียลซึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกกลั่นแกล้งสามารถผ่านช่วงเวลายากลำบากจนกระทั่งกลายเป็นนักคาราเต้วัยเยาว์ที่คว้าแชมป์ออลวัลเลย์ได้ถึงสองสมัย

แนวทางของความเป็นหนังเด็กสไตล์นี้เคยประสบความสำเร็จมากในยุค 80-90 แต่พอเข้ายุค 2000s เป็นต้นมา ดูเหมือนหนังแนวนี้ก็เลือนหายไป ถึงแม้จะมีความพยายามสร้างออกมาหลายเรื่องแต่ก็ไม่ค่อยได้คำวิจารณ์ที่ดีหรือไม่สามารถทำเงินได้มากเท่าไรนัก อาจเพราะในยุคสมัยนี้มีโซเชียลมีเดีย อินเทอร์เน็ต เด็กรุ่นใหม่สามารถรับสารมากมายจากในโลกออนไลน์ ทำให้ความเป็นสูตรสำเร็จหลายอย่างในหนังเด็กแนวนี้ดูไม่สมจริงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวร้ายที่ก็ร้ายซะจนไม่มีดี ต้องแกล้งหรือเล่นงานตัวเอกที่เป็นเด็กไม่สู้คน ตัวเอกก็จะมีสาวสวยที่ปลื้ม แล้วพอฝึกวิชาจนสามารถเอาชนะได้ในตอนท้ายเรื่องทุกอย่างก็คลี่คลาย ตัวเอกได้เรียนรู้ เติบโต ตัวร้ายก็จบกันไป

ทีมสร้างของซีรีส์ Cobra Kai ก็เหมือนจะรู้อยู่ว่า เออ ไอ้มุกพวกนี้โคตรเชยเลย ทำไมตัวเอกต้องชนะตอนท้ายเสมอ แล้วทำไมตัวร้ายพวกนี้ต้องเล่นงานพระเอกเสมอด้วย ราวกับว่าทั้งโลกพวกมันมีกันอยู่แค่นั้น ในซีซันนี้ก็มีอยู่ฉากหนึ่งที่ตัวร้ายในหนังชุดเดิมที่ได้กลับมามีบทอีกครั้งยังพูดกับตัวร้ายอีกคนเลยว่า ตอนนั้นมันยอมเสียเวลาไปเดือนกว่าเพื่อเอาแต่หาทางเล่นงานเด็กมัธยมต้นคนหนึ่งไปเพื่ออะไรกัน (นั่นสิ) ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้ก็มีการวิพากษ์จิกกัดหนังไตรภาคชุดเดิมได้ฮาดี ซึ่งตัวหนังก็มีอะไรแบบนี้แฝงอยู่อีกหลายครั้ง ว่าเออ ไอ้พวกตรรกะความคิดของตัวร้ายแบบหนังเด็กยุคเก่านี่มันไม่สมเหตุผลเลยแฮะ

ดังนั้นความยากอย่างหนึ่งของซีรีส์ชุดนี้ก็คือการหาทางใส่ความมีมิติตัวละคร แรงผลักดันในการกระทำ ไปจนถึงมุมอื่นๆ ของตัวละครเหล่านั้นที่ไม่เคยถูกพูดถึง ให้เอามาตีแผ่แล้วสามารถกลบพล็อตเชยๆในอดีตไปได้ ซึ่งต้องยอมรับว่านี่คือ “จุดแข็งที่สุด” ของซีรีส์ชุดนี้เลยก็ว่าได้ โดยในซีซันแรกจะเน้นสำรวจและตีแผ่นตัวละคร จอห์นนี่ แล้วยังพลิกบทให้ตัวร้ายมิติเดียวในหนังภาคแรกตัวนี้กลายมาเป็นตัวเอกของเรื่องราว แต่ที่ซีรีส์ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นในซีซันสองและสามก็คือการเอาตัวร้ายหลักระดับอาจารย์ในซีซันแรกคือครีส และ ตัวร้ายในหนังภาคสองคือ โซเซ็น โนงุจิ กลับมามีบทบาทอีกครั้งหนึ่งในซีรีส์ชุดนี้ โดยเฉพาะบทของครีสที่กลายมาเป็นตัวละครร้ายตัวหลักของเรื่องและกลายเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้แดเนียลและจอห์นนี่ยอมสงบศึกต่อกันเพื่อร่วมมือกันปราบคอบราไคที่ถูกครีสยึดไปแล้ว

Cobra Kai ss4

อีกจุดหนึ่งที่ซีซันนี้หยิบเอากลับมาเล่นหลังจากสองซีซันก่อนเบาบางไปเยอะก็คือประเด็นเรื่องของการกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ในโรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเจอกันอยู่ในโลกความจริง ไม่เว้นแม้แต่ในโรงเรียนระดับประถมและมัธยมต้น ชนิดที่เรียกว่ายิ่งเด็กก็ยิ่งกลั่นแกล้งและบูลลี่กันหนักหน่วง โดยในซีซันนี้ได้กลับมาแสดงให้เห็นว่า ถ้าเด็กคนหนึ่งถูกกลั่นแกล้งมากๆ เข้า วันหนึ่งเมื่อเขาหันไปหาวิธีการรุนแรงสุดโต่งแล้วลุกขึ้นมาเล่นงานคนอื่นบ้าง แบบนี้ควรจะทำยังไง เขาผิดหรือเปล่าที่กลายเป็นคนชอบความรุนแรง ในเมื่อสังคมมันรุนแรงกับเขาก่อน ซึ่งซีซันนี้ก็ไม่ได้สรุปว่ามันควรจะแก้ไขยังไง แถมยังทำให้ตัวละครใหม่ที่ถูกกลั่นแกล้งนี้กลายเป็นสมาชิกใหม่ของคอบราไคที่หันมาใช้ความรุนแรงเสียเองด้วย เรียกว่าเรื่องนี้แอบแฝงการวิพากษ์สังคมโลกเราจริงๆ ไว้ได้เจ็บแสบเหมือนกัน

Cobra Kai ss4ด้านตัวร้ายถือว่าสนใจมาก ในเมื่อซีซัน 3 เรื่องไปหยิบเอาครีสกลับมาใช้แล้ว ดังนั้นในซีซัน 4 ทีมเขียนบทเลือกเปิดเรื่องมาด้วยการเอา “เทอร์รี่ ซิลเวอร์” ตัวร้ายในหนังคาราเต้คิดภาคที่ 3 กลับมามีบทหลักอีกครั้งหนึ่ง แล้วยังให้เชากลายมาเป็นตัวร้ายสำคัญอีกคนของเรื่องด้วยการจับคู่กับครีสเพื่อเปิดศึกกับทีมของแดเนียลและจอห์นนี่ ทำให้ศึกในซีซัน 4 น่าติดตามยิ่งขึ้นไปอีก ตรงนี้ต้องขอชมทีมเขียนบทเลยครับที่เลือกจะไม่ทิ้งตัวละครในหนังไตรภาคเดิมเลยแม้แต่คนเดียว แต่หยิบเอากลับมาเล่นใหม่ เล่าใหม่ ได้น่าติดตามดี

Cobra Kai ss4ด้านฉากแอ็กชั่น มีพัฒนาการขึ้นจากสามซีซันในบางจุด โดยเฉพาะเรื่องการออกแบบ “กระบวนท่า” ที่ใช้ในการต่อสู้จริงๆ มีบางท่าที่ดูแล้วรู้สึกว่าสามารถใช้งานได้จริง ไม่ได้ดูโอเวอร์หรือเป็นท่าแอ็กติ้งมากเกินไปแบบบางท่าในซีซันก่อนๆ แต่ก็ยังมีท่าต่อสู้อีกหลายท่าในเรื่องนี้ที่เรารู้สึกว่าดูเหมือนการแสดงโชว์กายกรรมเยอะไปนิด เลยขอหักคะแนนในส่วนนี้ไปบ้าง

แต่ข้อดีอย่างหนึ่งคือในซีซันนี้ยังมีการอธิบายท่าวิชาและแนวปรัชญาของคาราเต้ทั้งสามสำนักในแบบเจาะลึกมากขึ้น อาจจะเรียกว่ามากที่สุดเลยตั้งแต่ฉายมา แล้วที่ทีมสร้างค่อนข้างจะพยายามมากก็คือการนำเสนอประเด็นความขัดแย้งในแง่แนวทางคาราเต้ของทั้งสามสำนักและเหล่าเซนเซย์ในเรื่อง แล้วที่น่าสนใจกว่าเดิมก็คือมีการวิเคราะห์ “จุดแข็งและจุดด้อย” ของวิชาคาราเต้ในเรื่องอย่างจริงจัง ไม่ได้เอาแต่บอกว่า คาราเต้ของมิยากิโดดีเลิศที่สุด แต่ก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน ดังนั้นซีรีส์เรื่องนี้ก็เลยเหมือนโตไปพร้อมคนดูด้วย ในขณะที่คนชอบเรื่องแนวต่อสู้ ก็จะได้สาระในแง่วิชาต่อสู้ที่จริงจังมากขึ้น

แล้วเนื่องจากเรื่องนี้เป็นภาคต่อของหนังเด็กคลาสสิกแนว East Meet West ทำให้งานโปรดักชั่นดูเหมือนจงใจเน้นทำให้งานภาพดูง่ายๆ มีสีสันมาก งานภาพสว่าง ไม่ได้เป็นโทนมืดมัว และในแต่ละตอนจะใช้วิธีการเล่าจบเป็นเหตุการณ์นั้นๆไป แล้วมีการทิ้งเชื้อใหญ่ๆไว้ท้ายแต่ละตอนเพื่อให้น่าติดตาม เราเลยอาจจะรู้สึกเหมือนกำลังดูการ์ตูนวัยรุ่นต่อสู้สักเรื่องหนึ่งอยู่เหมือนกันครับ แต่ตรงนี้ก็เป็นจุดด้อยอยู่บ้าง คือถ้าใครคาดหวังจะได้ดูแนวผู้ใหญ่ต่อสู้กันแบบสมจริง อาจจะรู้สึกว่าฉากสู้ในเรื่องดูเล่นง่ายไปนิด

Cobra Kai ss4 ดีไหม?

สรุปในภาพรวมแล้วก็เป็นซีรีส์ภาคต่อชั้นดีที่คารวะหนัง The Karate Kid ทั้งสามภาค มีการเขียนบทได้สนุก เป็นหนังเด็กที่ดราม่าตัวละครวนไปวนมาอยู่สักหน่อยจนบางทีน่ารำคาญ เดี๋ยวสู้กัน เดี๋ยวคืนดีกัน เดี๋ยวดราม่ากันอีก เดี๋ยวจับมือกัน แต่ก็จัดว่าเป็นเรื่องที่เข้าขั้นสนุกเรื่องหนึ่ง นักแสดงเด็กก็ยังทำได้ดีและดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกซีซัน เช่นเดียวกับเหล่านักแสดงผู้ใหญ่ในเรื่องที่ดูเหมือนจะเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นกับการใช้ท่าคาราเต้ต่อสู้ในเรื่องนี้ และยังพยายามอธิบายแนวทางวิชาคาราเต้แบบจับต้องได้มากขึ้นด้วย ถือว่าทำได้ดีขึ้น ซีซันนี้สามารถรับชมได้เลยใน Netflix ครับ

Cobra Kai ss5 มาตอนไหน?

สำหรับซีซัน 5 มีการคอนเฟิร์มให้สร้างต่อเลยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าซีซันใหม่น่าจะเข้ามาช่วงต้นปี 2023 เรียกว่างานนี้ไปต่อกันยาวเลยๆ แล้วก็คาดว่าจะกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ Netflix อนุมัติให้ทำโปรเจ็กต์อะไรต่อได้อีกในอนาคตด้วย

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference

https://www.imdb.com/title/tt7221388/?ref_=fn_al_tt_1

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!