โซเชียลมีเดียในหลายประเทศทั่วโลกในเวลานี้ กำลังมีปัญหาใหญ่ที่เผชิญกันอยู่คือ “สภาวะ Content ไร้สาระล้น” และพยายามหาทางแก้ไขกันอยู่ จีนเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังหาทางแก้ไขอยู่เช่นกัน
ในโลกตะวันตก ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเรื่องที่ Youtube ออกมาจัดการลบ Content ที่ไร้สาระและสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงและด้านเพศไปมากกว่า 70,000 รายการเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา
สำหรับเมืองจีนเอง ก็มีความพยายามที่จะจัดการเรื่องนี้เช่นกัน โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียชื่อยอดนิยมของจีนอย่าง Weibo (เวยปั๋ว) ซึ่งได้รับความนิยมมากสำหรับคนจีนหนุ่มสาว เซเล็บ ศิลปิน ดารา และเหล่าเนตไอดอล เพราะไม่เพียงแต่เป็นโซเชียลมีเดียเพื่ออัพเรื่องราวกันทั่วไปเท่านั้น แต่ยังถูกใช้เป็นช่องทางการทำตลาดออนไลน์ของหลายแบรนด์ในจีน รวมถึงเหล่าเนตไอดอล และ บรรดาเซเล็บทั้งหลายด้วย
ในปัจจุบัน Weibo ถือว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นโซเชียลที่เสมือนกับใช้งานทดแทนโซเชียลดังอย่าง Facebook และ Twitter สำหรับในประเทศจีน โดยข้อดีของ Weibo คือเสมือนการรวมจุดเด่นของทั้งสองแพลทฟอร์มเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ คนจีนจำนวนมากยังใช้ Weibo ในแง่ของการทำตลาดผ่านโลกออนไลน์ การปั้นแบรนด์ ไปจนถึงช่องทางการสร้าง Content ในรูปแบบต่าง ๆ ในจีนมี ดารานักแสดง เซเล็บ เนตไอดอล และคนทั่วไปจำนวนมากที่ทำคอนเท็นต์โดยอาศัยประโยชน์จากบรรดาฐานแฟนคลับและเหล่า Follower ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ จากทั่วโลกได้เข้ามาทำการตลาดด้วย
จากการสำรวจของสำนักข่าว Xinhua พบว่า ยังพบว่า มีผู้ใช้บริการ Weibo ในแต่ละเดือนมากกว่า 370 ล้านคน และตัวเลขยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นการที่ทาง Weibo จะเข้ามาควบคุมหรือกำจัดเนื้อหาที่ไร้สาระหรือสร้างปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าทางผู้บริหารของ Weibo จึงได้ออกมาขอให้ชาวโซเชียลช่วยกันสอดส่องเนื้อหาและสามารถแจ้งต่อทางบริษัทได้ก็ตาม
แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นหนึ่งในปัญหาที่บริษัทกังวลและถูกวิจารณ์ไม่น้อย เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีความเข้มงวดในเรื่องการแสดงออกความคิดเห็นบางอย่างในที่สาธารณะ เช่น ประเด็นทางการเมือง เพราะจีนมีกฎหมายควบคุมการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่เนื่องจากโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ ระยะหลังจึงมักถูกใช้เป็นช่องทางในการแสดงความคิดเห็นหรือสร้างกระแสดราม่าได้จากคนหลายฝ่าย นี่จึงเป็นปัญหาใหญ่ของ Weibo ที่ต้องการแก้ไข
ซึ่งวิธีการที่ใช้อยู่ ได้แก่ การสั่งแบนหรือเซ็นเซอร์เนื้อหาที่มีความสุ่มเสี่ยงเหล่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาละเอียดละอ่อนและการกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ของทางรัฐบาลจีน
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ใน Social ที่ดังที่สุดในโลกอย่าง Facebook ก็ยังประสบกับปัญหาลักษณะนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกรณีที่ Facebook ทำข้อมูลรั่วไหลออกมาจนเป็นประเด็นทางการเมืองมาแล้ว ซึ่งเราคงต้องติดตามกันต่อไปว่า จีนจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference
Website