รีวิว+สปอยล์ Dragon Quest Your Story Netflix ดัดแปลงจากเกมได้ชวนคิดถึง แต่สมกับถูกวิจารณ์เละ
Dragon Quest Your Story
สรุป
อนิเมชั่น DQ ที่สร้างมาเพื่อแฟนๆ DQ โดยเฉพาะ เข้าใจสารที่ทีมสร้างอยากสื่อ เริ่มต้นเยี่ยม ฉากสำคัญทำได้ดี แต่ภาพรวมแล้วกลับทำหลายอย่างที่ขัดใจแฟนๆซะอย่างนั้น ไม่แปลกที่ถูกวิจารณ์เละในญี่ปุ่น
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- อนิเมชั่น CG กราฟิก โมชั่น คุณภาพดี ฉากแอ็กชั่นโอเค เพลงประกอบชวนคิดถึงมาก
- การนำเสนอหลายฉากชวนให้คิดถึงเกม DQ อย่างมาก
- ดัดแปลงออกมากระชับ มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องในเวลาจำกัด
- ตีความตัวละครสำคัญอย่างเบียงก้าออกมาใหม่ได้น่าสนใจ
- ทำฉากเลือกเจ้าสาวได้เยี่ยมมาก สร้างมาเหมือนเข้าใจคนเล่มเกมตอนนั้น
- หนังเดินเรื่องสไตล์เด็ก แต่ช่วงแรกถ้าไม่ใช่แฟนเกมอาจจะงงได้ แต่แฟนเกมจะชอบช่วงแรกแน่ๆ
Cons
- การดีไซน์ตัวเอกและท่าทาง เหมือนจงใจอิงอนิเมชั่นของดิสนีย์และตะวันตกมากไปหน่อย
- ตีความเบียงก้าออกมาใหม่ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ชอบ
- ตัดตัวละครลูกสาวพระเอกออก (จะตัดทำไมฟะ)
- ฉากจบอาจจะไม่ปลื้มสำหรับหลายคนอย่างแรง
Dragon Quest Your Story (Netflix) ดรากอนเควสต์ ชี้ชะตา ดัดแปลงจากเกมให้ชวนคิดถึง เข้าใจว่านี่คือสารจากทีมสร้างถึงแฟนๆ แต่หลายอย่างโดยเฉพาะตอนจบอาจไม่ถูกใจ
Dragon Quest Your Story ที่จริงแล้วอนิเมชั่นเรื่องนี้ มีคุณภาพดี การดัดแปลงในช่วงเปิดเรื่องยอดเยี่ยมมาก แฟนเกมชอบแน่นอน ระหว่างเรื่องราวก็โอเคอยู่ แต่ตอนท้ายไปตัดบทตัวละครบางตัวออก แล้วดันไปทำหักมุมตอนสุดท้ายที่หลายคนอาจจะไม่ชอบเอาเลย ซึ่งผลก็ออกมาว่าโดนวิจารณ์ไว้เละพอสมควรครับ
สำหรับเรื่องนี้ ได้ทีมสร้างในตำนานที่ร่วมกันสร้างตัวเกมซีรีส์นี้กลับมาร่วมด้วยบางส่วน เนื้อเรื่องหลักอ้างอิงและที่ปรึกษาโดย ยูจิ โฮริอิ เพลงประกอบโดย โคอิจิ สุงิยามะ ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของเกมซีรีส์ชุดนี้
ส่วนด้านงานกำกับและงานสร้าง ได้ทีมสร้างบางคนที่เคยทำผลงานชั้นเยี่ยมอย่าง Stand by Me Doraemon มาร่วมสร้างผลงานเรื่องนี้้ด้วย
ตัวอย่าง Dragon Quest Your Story
Dragon Quest Your Story สนุกไหม
ตรงนี้ต้องอธิบายก่อน เพื่อให้หลายคนเข้าใจว่า ทำไมการดัดแปลงจากฉบับเกมสู่หนังอนิเมชั่นของ Dragon Quest Your Story จึงโดนคาดหวังสูง แล้วพอมันออกมาผิดความคาดหวังของแฟนๆในแง่การดัดแปลงบางจุดและบทสรุป ถึงทำให้โดนวิจารณ์เละเทะที่ญี่ปุ่น
Dragon Quest เป็นเกมแนว RPG Role Playing Game ที่มีแฟนระดับเดนตายอยู่ทั้งในญี่ปุ่นและหลายประเทศทั่วโลก แม้ว่าในภาพรวมแล้วจะแฟนเกมนี้นอกญี่ปุ่นจะน้อยกว่าเกมตระกูล Final Fantasy ที่เป็นคู่แข่งกันมายาวนาน แล้วในปัจจุบันก็มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันหลังจากสองบริษัทผู้ให้กำเนิดอย่าง Enix และ Square ได้รวมกิจการกันแล้วก็ตาม
ซึ่งที่ผ่านมา Dragon Quest หรือ DQ หรือที่แฟนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ดราเก้ จะเป็นที่ตอบรับและได้รับความนิยมในประเทศสูงกว่า FF ในระดับหนึ่ง ยิ่งบางภาค มียอดขายสูงเป็นระดับประวัติการณ์ ทั้งที่ในด้านของ CG กราฟฟิก และตัวเกม DQ ยังคงเลือกทำเกมแนวอนุรักษ์นิยม จะกี่ภาคก็เซตติ้งโลกในเกมเป็นแนวยุคกลางมาตลอด ไม่มีเปลี่ยน ระบบเกมก็เป็นแบบเดิมๆ หน้าจอเมนูเรียบง่ายแบบเดิมๆ ตั้งแต่ภาค 1-7 ดั้งเดิมเป็นแค่จอวินโดว์และตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่ใช้อธิบายเรื่องราวหรือไอเท็มต่างๆ ไม่มีแม้กระทั่งภาพประกอบไอเท็ม ดาบ ชุดเกราะ ใดๆทั้งนั้น ตัวเกมกว่าจะยอมมาทำภาพไอคอนและปรับเปลี่ยนหน้าจอเมนูให้เป็นแบบโมเดิร์น ก็ตอนที่มาทำภาค 8 ซึ่งเริมทำออกมาเพื่อโกอินเตอร์ ในขณะที่ FF บุกไปตลาดโลกมานานกว่า แต่ฝั่ง DQ เพิ่งจะเริ่มทำจริงๆ จังๆ เมื่อราวสิบปีนี้เอง ซึ่งช้ากว่ามาก
แต่นั่นก็แปลว่า การดัดแปลง DQ เป็นฉบับอนิเมชั่นแบบ 3D แถมทาง Netflix ยังไปซื้อเพื่อมาฉายทางสตรีมมิ่งของตนเองอีก นี่ย่อมเป็นสิ่งที่แฟนทั่วโลกจับตามอง เพราะนี่จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของ DQ ให้มีความ MASS ในระดับโลกมากขึ้นไปด้วย
ส่วนเนื้อเรื่องของภาคที่ถูกเลือกมาดัดแปลงอนิเมชั่นนี้ก็คือ ภาค Dragon Quest V : Hand of The Heavenly Bride หรือ ดรากอนเควสต์ ภาค 5 เจ้าสาวแห่งสรวงสวรรค์
หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วทำไมต้องเป็นภาคนี้ด้วย เพราะนี่คือภาคที่มีเนื้อหายอดเยี่ยม ตราตรึง ลึกซึ้ง มีตัวละครที่แฟนๆชื่นชอบและยังเป็นที่ประทับใจสำหรับแฟน DQ มากที่สุด จนถึงทุกวันนี้ แล้วในหลายสำนักเองก็จัดให้เกมภาคนี้มีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมติดอันดับต้นๆ แม้ว่าตัวเกมที่ทำลงเครื่อง SFC ในสมัยก่อน จะยังมีกราฟฟิกที่ดูธรรมดามากหากเทียบกับในสมัยนี้ก็ตาม แต่ก็มีการรีเมคเกมฉบับนี้ลงในเครื่อง DS และสามารถโหลดมาเล่นบน iOS ได้แล้วด้วย (ผู้เขียนก็เล่นจบไปหลายรอบ)
สำหรับหนึ่งในเรื่องที่แฟนเกมหลายคนชอบกันมากเกี่ยวกับภาคนี้ก็คือ นี่เป็นเกม DQ ภาคเดียวที่เราสามารถเลือกแต่งงานกับเจ้าสาวคนไหนก็ได้ จากตัวเลือกสองคนคือ เบียงก้า และ ฟลอร่า (ซึ่งตอนหลังในเกมฉบับรีเมคจะมีเพิ่มเดียโบล่าเข้ามาอีกคน)
ทั้งสองสาวน้อยก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน จนคนเล่นมักเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องที่จะต้องแต่งคนหนึ่งแล้วทิ้งอีกคนไป แต่ก็ทำให้นี่เป็นสีสันของเกมที่มีเสน่ห์มาก และในหนังเรื่องนี้ก็เอาคำถามที่คนเล่นชอบลังเลที่สุดนี้มาใส่เสมือนจะยั่วล้อคนเล่นไปด้วยว่า เออ เล่นรอบนี้ จะเลือกใครดี
แล้วในหนังเองก็ทำซีนช่วงนี้ออกมาได้ดีเกินคาดมากครับ ฉากเลือกเจ้าสาวนี่เองที่อาจจะเป็นซีนที่ดีที่สุดในเรื่องเลยก็ได้
อีกจุดคือ นี่ยังเป็นเกมภาคที่ พระเอกไม่ใช่ผู้กล้าที่ถูกเลือก แต่กลับหักมุม กลายเป็นลูกชายพระเอกต่างหาก ทำให้ตัวเกมเป็นที่จดจำ และตัวเอกของภาคนี้ก็ได้อารมณ์ของคนที่ต้องพยายามออกเดินทางด้วยกำลังตัวเองจริงๆ
ในภาพรวมแล้ว ในเมื่อมันเป็นภาคที่แฟนๆชอบมากขนาดนี้ เมื่อถูกนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมชั่น แล้วพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงและตีความใหม่หลายๆอย่าง ไปจนถึงการดีไซต์ตัวละคร กับการตีความบุคลิกตัวละครสำคัญบางคนที่เปลี่ยนไปจากของเดิม ไปจนถึงขั้น “ตัดตัวละครสำคัญ” ที่มีบทบาทในตัวเกมออกไป
แล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือ “ฉากสุดท้ายในเรื่อง” ที่มีการเฉลยเรื่องราวในอนิเมเรืองนี้แบบหักมุมชนิดยิ่งกว่า 360 องศา แม้ว่าเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้หักมุมหนักขนาดนั้น เพราะเมื่อดูไประยะหนึ่ง หลายคนอาจจะเริ่มสงสัยและมองออก แต่มันก็ทำให้แฟนๆเกมนี้จำนวนมหาศาลที่มีความคาดหวังว่าจะได้เข้ามาดูเรื่องราวของ DQ 5 ในรูปแบบอนิเมชั่น ต้องผิดหวังไปตามๆกัน จนนำไปสู่การวิจารณ์ชนิดสับแหลกในญี่ปุ่นมาแล้ว
ตรงนี้เองที่ทำให้น่าเสียดายว่า ด้วยความที่ตัวเรื่องทำลายความคาดหวังของแฟนๆ แต่อันที่จริงตัวอนิเมชั่นในภาพรวมแล้ว จะถือว่ามีคุณภาพที่ดีในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นงาน CG กราฟฟิก โมชั่น การเคลื่อนไหว ที่ทำออกมาได้ดี ไปจนถึงการเนรมิตฉากแอ็กชั่นจากในเกมและฉากการใช้เวทมนต์และคาถาๆต่างที่แฟนเกมคุ้นเคยให้ออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหว จะทำได้ดีพอสมควร รวมถึงเพลงประกอบ สกอร์ OST ต่างๆที่เป็นเพียงประจำของเกมซีรีส์นี้ที่ประพันธ์โดยสุดยอดวาทยากรระดับปรมาจารย์อย่าง โคอิจิ สุงิยามะ แต่ละเพลงก็เข้าในแต่ละฉากได้ถูกจังหวะ อีกทั้งในแง่ของการดัดแปลงบทและเนื้อเรื่องให้เกมให้มีความกระชับและเล่าเรื่องราวในฉากสำคัญๆต่างๆให้อยู่ภายในเวลาจำกัด จะทำได้ระดับที่ดี โดยเฉพาะในช่วง 5 นาทีแรกของการเปิดเรื่อง เชื่อว่าแฟนเกมทุกคนต้องยินดีและปลื้มแน่ๆ
แต่แล้วทุกอย่างมันสวนทางไปเลยสำหรับ 5 นาทีสุดท้ายเสียอย่างนั้น (ในขณะที่ผู้เขียนเองพอรับกับตอนจบแบบนี้ได้ แต่ที่ไม่ชอบที่สุดคือ ตัดบทลูกสาวฝาแฝดทำไม เพราะในฐานแฟนเกมนี้ก็อยากเห็นภาพสมาชิกครอบครัวของตัวเอกอยู่กันพร้อมหน้าบนตัวภาพยนตร์สักครั้ง)
Dragon Quest Your Story สปอยล์ ตอนจบ
ที่จริงแล้ว ตอบจบของเรื่องเป็นการจอบโจทย์และคำอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่อง ว่าทำไมรายละเอียดสำคัญบางอย่างถึงไม่เหมือนกับในเกมต้นฉบับ โดยเฉพาะ
- หน้าตาของตัวเอกที่มีความแตกต่างจากภาพตัวเอกในเกมต้นฉบับ (แม้จะไม่มาก แต่ก็อย่างจงใจ)
- บุคลิกและท่าทางในช่วงแรกของตัวเอก ที่ดูผิดไปจากวีรกรรมในเกม
- บุคลิกและการแต่งกายของเบียงก้า ในเกมแม้ตอนเด็กเธอจะเป็นสาวน้อยแก่นแก้ว แต่เมื่อโตขึ้นแล้วเธอจะดูอ่อนโยนและเรียบร้อยขึ้น แต่ในเรื่องนี้ เธอกลับห้าวยิ่งกว่าเดิมตอนโต
- การตัดบทลูกสาวฝาแฝดของตัวเอกออก กลายเป็นตัวเอกมีลูกชายแค่คนเดียว
ซึ่งสาเหตุที่เป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะ แท้จริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดคือโลกของเกม VR เสมือนจริง ที่ตัวเอก ก็คือตัวแทนของคนดูหรือแฟนเกมนี้มายาวนานเมื่อวัยเด็ก ได้เข้ามาเล่นเกม DQ ที่สร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบเกม VR แต่ด้วยความที่ตัวบอสของเรื่องคือไวรัสปริศนาที่ถูกสร้างขึ้น (โดยใครก็ไม่รู้) ต้องการป่วนทำลายเกม VR จึงส่งมันแทรกเข้ามา ทำให้เกมมีความผิดเพี้ยนบางอย่าง ตรงนี้อาจจะพออธิบายคำตอบของข้อสงสัยข้างต้นได้ถึงความแตกต่างที่ว่ามา
สำหรับบทสรุปแบบนี้ แฟนๆอาจจะรู้สึกว่า ทีมสร้างจะเลือกนำเสนอหักมุมแบบนี้ทำไม แต่ผู้เขียนเองก็เข้าใจนะ เพราะอันที่จริงแล้ว ชื่อเรื่องของหนังมันก็บอกอยูแล้วว่า Dragon Quest Your Story “แปลว่านี่คือเรื่องราวของคุณ” ซึ่งประเด็นนี้ก็ตรงกับคอนเซปต์ของเกม DQ ทุกภาคที่ต้องการทำเกมออกมาเสมือนให้คนเล่นได้สวมตัวเองลงไปรับบทบาทเป็นผู้กล้าหรือตัวเอกในเกม ดังนั้นตัวเอกของเกม DQ จะไม่มีบทพูด แต่จะมีแค่ให้เราเลือกตอบคำถามเท่านั้น เพื่อให้เราสวมบทบาทตัวเองเข้าไปได้ง่ายๆ ตัวหนังเองก็ทำออกมาจงใจสื่อตัวสารนี้ให้คนดู อารมณ์เหมือนเป็นการส่งสารบางอย่างจากทีมสร้าง
แต่พูดตามตรงว่า หลายคนไม่อาจชอบ เพราะผู้เขียนก็พอจะความคาดหวังของแฟนเกมนี้ส่วนหนึ่งด้วยว่า อยากเข้าไปเห็นเรื่องราวของเหล่าตัวละครใน DQ 5 ที่พวกเขารัก โลดแล่น มีชีวิตบนอนิเมชั่น ไม่ได้อยากจะมาดู ใครก็ไม่รู้ (ตัวแทนแฟนๆ) เล่นเกมให้เราดูอีก ตรงนี้เลยน่าจะเป็นที่มาของการถูกวิจารณ์สับเละเทะครับ ซึ่งก็พอเข้าใจแฟนๆของ DQ ได้เลย
สรุปในภาพรวมแล้ว นี่เป็นอนิเมชั่นที่ดี มีคุณภาพ เนื้อหาสนุก เพลงประกอบจากเกมที่ชวนคิดถึงสุดไพเราะและเข้ากับแต่ละฉากมาก ฉากแอ็กชั่นตอนสู้กับมอนสเตอร์และการใช้เวทมนต์ทำได้โอเค มีความพยายามที่จะดัดแปลงเรื่องราวจากในเกมมาลงในภาพยนตร์อนิเมชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงหลายจุดจะน่าขัดใจเอามากๆ แถมตอนจบยังทำออกมาแบบที่คนไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย
แต่เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้ว นี่คือหนัง DQ ที่แฟนๆควรดู เพราะถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ จะมีหลายฉากที่คุณต้องร้องว้าวไปกับมันแน่นอน เป็นการทำหนังที่มีกลิ่นอายแบบ Nostagia สำหรับคนในวัย 30-50+ พอสมควรเลย แต่สุดท้ายแล้วคนดูจะชอบหรือไม่ แนะนำว่าต้องตัดสินเองครับ ซึ่งก็เข้าฉายแล้วใน Netflix สามารถรับชมได้เลย
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website
https://en.wikipedia.org/wiki/Dragon_Quest:_Your_Story