Dynasty ss1-3 รีวิว ซีรีส์ฝรั่งดราม่าสุดน้ำเน่าเชือดเฉือน กำลังกลับมาใน Netflix
Dynasty ss1-3
สรุป
ซีรีส์ฝรั่งสุดน้ำเน่า ว่าด้วยเรื่องราวสุดอื้อฉาวในครอบครัวอภิมหาเศรษฐีแคริงตัน เต็มไปด้วยการเชือดเฉือนของตัวละคร ทั้งแรง แซ่บ ไม่ต่างจากละครน้ำเน่าไทย แต่อัพเกรดในแง่เนื้อหาและการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม ซีซันแรกสุดยอดมาก แต่ซีซันสองดรอปลงเพราะการเปลี่ยนตัวแสดงหลัก ส่วนซีซันสามกำลังเข้าใน Netflix
Overall
7.5/10User Review
( vote)Pros
- เป็นซีรีส์ที่แสดงให้เห็นว่า ฝรั่งก็ทำเรื่องแนวดราม่าสุดน้ำเน่าของครอบครัวคนรวยให้สนุก ต้องทำยังไง
- นักแสดงเคมีสุดยอดมาก โดยเฉพาะซีซันแรก
- เดินเรื่องสนุก มีการทิ้งปมและหักมุมตลอดเรื่อง เดาทางยากว่าจะมีความวายป่วงอะไรตามมาเรื่อยๆ
- เรื่องนี้แสดงให้คนดูได้รู้ว่า คนรวยในละครดราม่าที่ไม่ได้โง่ ต้องทำยังไง
Cons
- ดราม่าทั้งเรื่องนี้วนเวียนอยู่กับไม่กี่ตัวละคร แล้วก็วนซ้ำไปมาแบบนี้ตลอดเรื่อง
- บทบางตอนเหมือนเขียนขึ้นมาสดๆ แบบคิดอะไรไม่ออกก็ใส่มาไว้ก่อน
- ซีซันสองดรอปลงมาก เพราะการเปลี่ยนตัวนักแสดงนำแล้วพลังไม่เท่าซีซันแรก ทำให้ต้องปรับบทการเดินเรื่องใหม่
- คฤหาสน์แคริงตันดูมีการป้องกันหละหลวมมาก ทำให้ใครๆก็ทำอะไรง่ายเกินไป
Dynasty ss1-3 รีวิว ไดนาสตี้ ซีรีส์ฝรั่งน้ำเน่าชั้นดีขั้นสุด เรื่องราวของครอบครัวแคริงตัน อภิมหาเศรษฐีสุดไฮโซ ที่ภายในกลับเต็มไปด้วยความอื้อฉาว และซีซัน 3 มาลงใน Netflix (อ่านรีวิวซีซั่น 3 คลิกที่นี่)
Dynasty ss1-3 ซีรีส์ฝรั่งดราม่าน้ำเน่าชั้นดีสุดแซ่บที่ว่าด้วยเรื่องราวในครอบครัวแคริงตัน ตระกูลดังสุดไฮโซเจ้าของธุรกิจพลังงานขนาดใหญ่ ที่ได้ชื่อว่ามีทั้งเงินทอง อำนาจ เครือข่ายธุรกิจ ภาพภายนอกนั้นคือครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่แท้จริงแล้วภายในคฤหาสน์หลังใหญ่สุดอลังการของครอบครัวนี้ กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวอื้อฉาวและความลับวายป่วงมากมายที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมารวมอยู่ในครอบครัวเดียวนี้ได้ เหมือนเป็นการสะท้อนและจิกกัดสังคมชนชั้นสูงในโลกตะวันตกไปด้วยว่าทุกอย่ามันไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่คนอื่นเห็นเข้ามา
Dynasty Netflix Trailer ตัวอย่าง
Dynasty ss1-3 เรื่องย่อ ตัวละคร
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ แฟลลอน คาริงตัน ลูกสาวสุดไฮโซของ เบลค คาริงตัน อภิมหาเศรษฐกิจและเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตเอาแต่ใจและหาทางพิสูจน์ตัวเองในด้านธุรกิจด้วยการออกมาตั้งบริษัทของตนเอง ก็ได้พว่า พ่อของเธอกำลังจะแต่งงานใหม่กับหญิงสาวละตินทรงเสน่ห์อย่าง คริสตัล ฟลอเรส พนักงานในบริษัทของเบลคเอง
ด้วยความที่แฟลลอนมองว่าคริสตัลน่าจะเข้ามากอบโกยทั้งเงินทอง สิทธิและสถานะ จากการแต่งงานกับพ่อของเธอ ทำให้เกิดเป็นศึกใหญ่ระหว่างลูกสาวกับแม่เลี้ยงคนใหม่
แต่เรื่องราวมันไม่จบเท่านี้ เนื่องจากการปะทะกันระหว่างสองสาวกลับลุกลามใหญ่โต ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายตามมา แล้วยังเป็นการขุดเอาเรื่องราวอื้อฉาวมากมายที่ซุกซ่อนไว้ของครอบครัวแคริงตันออกมามากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
แฟลลอน คาริงตัน ลูกสาวสุดแสบของบ้านแคริงตัน เป็นหญิงสาวสวย ถูกตามใจแต่เด็ก ต้องการพิสูจน์ความสามารถทางธุรกิจจากพ่อของเธอเอง จึงได้ออกมาตั้งบริษัทใหม่
ในเรื่องนี้เราจะพบว่า แฟลลอนมีลักษณะทุกอย่างเข้าข่าย “สาวสวยไฮโซเอาแต่ใจ” ชอบหว่านเสน่ห์และมี Sex ตามใจตัวเองกับคนไปทั่ว เธอยังมีความสัมพันธ์กับคนขับรถของตระกูลด้วย เธอต่อต้านคริสตัลอย่างแรง เพราะเชื่อว่าคริสตัลมีเบื้องหลังที่ปกปิดไว้
คริสตัล สาวสวยทรงเสน่ห์ที่ลี้ภัยมาจากเวเนซุเอลา มาทำงานในบริษัทของเบลค แคริงตัน แล้วกลายเป็นคู่นอนกัน เบลคหลงใหลเธอมากจนในที่สุดก็ขอเธอแต่งงานกัน
คริสตัลมีเบื้องหลังซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งในซีรีส์จะค่อยๆเปิดเผยออกมาเรื่อยๆในระหว่างซีซัน
เบลค แคริงตัน อภิมหาเศรษฐีที่เป็นพ่อหม้าย แต่งงานใหม่กับคริสตัล ซึ่งนำไปสู่เรื่องราววุ่นวายอีกมากมาย เบลคมีลักษณะภายนอกเป็นเศรษฐีใจบุญบ้าผู้หญิง แต่ที่จริงแล้วเบลคก็เป็นตัวละครที่ซุกซ่อนความลับบางอย่างไว้ เขายังเป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นว่า “คนรวยตัวจริงๆไม่ได้โง่” ในแบบที่ละครไทยทั่วไปมักสร้างเอาไว้ แต่เบลคยังเป็นคนที่มีความเลือดเย็นและแอบโหด พร้อมทำทุกกอย่างที่จำเป็นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
นอกจากสามตัวละครหลักในเรื่องนี้ ก็จะมีตัวละครอีกมากมายที่ออกมาประชันเชือดเฉือนกันตลอดเรื่อง บ้างก็เป็นมิตรกัน บ้างก็พลิกมาเป็นศัตรูกัน แล้วกลับมาดีกันอีก แต่ก็มีบางคู่ที่เป็นคู่ขนาน เกลียดกันทั้งเรื่องก็มี เป็นสีสันที่ทำให้เรื่องราวไม่น่าเบื่อ เพราะความขัดแย้งมีให้เห็นตลอดทุกซีซัน การร่วมมือบางครั้งก็เป็นเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า แล้วก็หันมาแว้งกัดกันเองอีก สมกับชื่อเรื่องอย่าง Dynasty ที่ในความหมายของเรื่อง คือตระกูลใหญ่ ที่มีอำนาจเสมือนเป็นราชวงศ์เล็กๆกลุ่มหนึ่ง
Dynasty รีวิว สนุกไหม
อันที่จริงแล้ว ตัวพลอตเรื่องมีความเป็นซีรีส์น้ำเน่าขั้นสุด ซึ่งก็ไม่น่าแปลก เพราะซีรีส์เรื่องนี้เป็นการนำละครน้ำเน่าฝรั่งที่เรียกว่าแนว Soap Opera ในชื่อเดียวกันที่เคยสร้างชื่อเสียงมากในยุค 80 กลับมารีเมคใหม่ โดยปรับบริบทให้เข้ากับยุคสมัย แล้วก็ทำได้ดีมากด้วย
ในแง่ของทีมนักแสดง ซีซันแรก ต้องยกความดีความชอบให้นักแสดงทุกคน แต่ที่ต้องชมเป็นพิเศษคือ Nathalie Kelly นักแสดงสาวที่คนไทยอาจจะคุ้นหน้ามาบ้าง จากที่เธอเคยเล่นเรื่อง Fast 3: Tokyo Drift มาก่อน และเคยร่วมแสดงใน Vampire Diaries ด้วย สำหรับใน Dynasty เธอมารับบท คริสตัล แล้วก็ทำได้ดีเอามากๆ โดยเฉพาะการแสดงที่ต้องเชือดเฉือนกับ แฟลลอน ที่แสดงโดย Elizabeth Gillies เรียกว่าการประชันของสองสาวเป็นไฮไลท์สำคัญของซีซันแรกเลย
ตัวซีรีส์จะเต็มไปด้วยบทที่แทบจะหักมุมตลอดเวลา (ย้ำว่าแทบจะตลอดเวลา) จะหักมากหักน้อย แต่บทและการเดินเรื่องมีลักษณะที่เราเดาทางได้ยาก จุดเด่นของการเดินเรื่องในซีรีส์ชุดนี้คือ ความวายป่วง ที่เกิดจากการกระทำของเหล่าตัวละครไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ทุกการกระทำดูเหมือนจะพาเรื่องราวของครอบครัวใหญ่สุดไฮโซไปสู่ทิศทางที่วายป่วงมากขึ้นเรื่อยๆ เสน่ห์ของเรื่องนี้จึงอยู่ที่ว่า เหล่าตัวละครในเรื่องจะพาเรื่องราวไปสู่ความพังพินาศมากขึ้นแค่ไหน
แต่ความวายป่วงที่ว่ามานั้น มันไม่ได้เป็นดราม่าหดหู่ เพราะโทนของเรื่องเต็มไปด้วยสีสัน ฉูดฉาด ความตลกร้าย การเดินเรื่องที่ฉับไว ดนตรีประกอบที่มีความเฉพาะตัว ทำให้เรื่องราวไม่น่าเบื่อเลย
ส่วนเส้นเรื่องหลักนั้น ช่วงครึ่งซีซันแรกเน้นที่การเชือดเฉือนระหว่างแฟลลอนและคริสตัล ไปจนถึงการตายด้วยอุบัติเหตุของตัวละครอดีตชู้รักของคริสตัล ที่ดูเหมือนมีอะไรลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน จนเราไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วเรื่องนี้ใครคือคนดีหรือคนร้าย
ขณะที่เส้นเรื่องรองจะมีแยกยิบย่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของคู่ LGBT ในเรื่องอย่าง สตีเว่น ลูกชายคนโตของเบลค กับ แซม หลานชายของคริสตัล ที่กลายมาเป็นคู่รักกัน น่าแปลกใจที่นำเสนอเรื่องของคู่นี้ได้ดีซะด้วย นอกจากนี้ยังมีเส้นเรื่องย่อยที่เกี่ยวกับการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันทางธุรกิจที่ตัวลูกสาวอย่างแฟลลอนต่อต้านเบลคที่เป็นพ่อตนเอง แล้วหันไปร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ เจฟ โคลบี้ เด็กหนุ่มผิวดำที่ไต่เต้าสร้างตัวขึ้นมา แต่แท้จริงแล้วเขาก็มีแผนการลับในใจอยู่
ส่วนครึ่งซีซันหลัง จะเปิดตัว อเล็กซิส แคริงตัน (แสดงโดย Elaine Hendrix) ภรรยาของเบลค แม่แท้ๆของแฟนลอนและสตีเว่น ซึ่งได้หย่ากับเบลคไปแล้ว และการมาของตัวละครนี้เป็นการเพิ่มบทเชือดเฉือนให้แรงขึ้นไปอีกขั้น เพราะแฟลลอนก็ไม่ได้ถูกกับแม่ของตัวเองเลย แถมตัวละครอเล็กซิสก็มีความแรงที่ไม่ธรรมดาด้วย
อย่างไรเสีย จุดเด่นที่ว่ามาทั้งหมดเกิดขึ้นในซีซันแรก เมื่อถึงซีซันสอง ด้วยปัญหาหลายอย่างทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตัวนักแสดงหลัก นั่นคือบทคริสตัล ที่เปลี่ยนนักแสดงจาก Nathalie Kelly มาเป็น Ana Brenda Contreras นักแสดงสาวชาวเม็กซิโก พร้อมกับปรับบทบาทกับทิศทางของเรื่องราวใหม่ คือในซีซันสอง แฟลลอน จะไม่ได้เน้นตีกับแม่เลี้ยงคนใหม่แล้ว แต่หันไปเปิดศึกทางธุรกิจ กับดราม่าชีวิตรักแบบสามเส้าของตัวเธอเอง ซึ่งจุดนี้ทำให้การเดินเรื่องในซีซันสองดรอปลงไปมาก เพราะต้องยอมรับว่า คริสตัลคนใหม่ มีเสน่ห์น้อยกว่าคนแรกพอสมควร
ส่วนในครึ่งหลังของซีซันสอง เรื่องราวจะเพิ่มความจิตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง จากการเปิดตัวอดัม สมาชิกของครอบครัวแคริงตันที่หายตัวไป บทของอดัมทำให้เรื่องเดินไปสู่ความจิตๆ มากขึ้น ตรงนี้หลายคนอาจจะชอบ แต่ในแง่ความสมจริงของเรื่องราวแล้วดูจะขัดๆพอสมควร นอกจากนี้นักแสดงรุ่นใหญ่ที่รับบทอเล็กซิสอย่าง Elaine ก็ติดขัดปัญหาที่ทำให้ต้องมีการปรับบทของเธอออกในครึ่งหลัง
ในซีซันสองจึงมีการเดินเรื่องที่แปร่งๆ และแปลกๆ ตลอดทั้งซีซัน เพราะปัญหาการเปลี่ยนตัวและปรับบทนักแสดงที่เห็นได้ชัดเอามากๆ เลยว่าทีมงานต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงนำไปสู่การเขียนบทประหลาดๆ มากมาย แถมคฤหาสน์แคริงตันในเรื่องนี้ยังมีการป้องกันและระวังภัยที่ต่ำและหละหลวมเอามากๆ จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือบ้านของครอบครัวคนรวยอันดับต้นๆ ของโลก
อย่างไรก็ตาม เราคงต้องยอมรับว่า ทีมงานก็เก่งไม่น้อยที่สามารถหาทางถูไถเรื่องราวที่ขาดๆ เกินๆในซีซันสองให้ไปถึงฉากจบได้ พร้อมกับโยนลูกระเบิดมากมายในตอนสุดท้ายเพื่อปูทางไปซีซัน 3 (แม้ว่าหลายเรื่องจะดูยัดเกินไป ราวกับเพิ่งคิดออกก็ตามที)
ถึงอย่างนั้นในภาพรวม นี่ก็เป็นซีรีส์ฝรั่งสไตล์น้ำเน่า ที่คนไทยควรดู คุณจะรู้ว่าฝรั่งก็ชอบน้ำเน่าเหมือนกัน แต่เป็นน้ำเน่าในรูปแบบที่แตกต่างจากของไทยพอสมควร โดยล่าสุดซีซัน 3 ของเรื่องนี้ก็กลับมาใน Netflix ที่ซื้อเข้ามาฉายแล้วติดตัว N เข้าไป หลังจากเรื่องนี้ฉายทางช่อง CW ไปแล้ว (อ่านรีวิวซีซั่น 3 คลิกที่นี่)
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website