รีวิว JU-ON: Origins จูออน ต้นกำเนิดจากเรื่องจริง เมื่อมนุษย์ทำให้เกิดผีและคำสาปสุดโหด 20+
JU-ON: Origins
สรุป
การผสมระหว่าง ริง+จูออน เดินเรื่องเชิงสืบสวน กับแนวเรื่องที่เปิดมาอย่างน่าสนใจ ฉีกแนวไปจากหนังจูออนต้นฉบับ โดยเน้นไปที่เรื่องราวย้อนหลังว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านหลังนี้และผู้คนที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้คำสาปมันสะสมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และจิกกัดเรื่องความรุนแรงในสังคมที่ทำเอาบ้านผีดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่มนุษย์ทำร้ายกันเอง เสียดายที่ช่วงท้ายฉีกไปแนวกึ่งแฟนตาซีสยองขวัญมากไปหน่อย
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- ฉีกแนวเล่าเรื่องจากหนังจูออนเวอร์ชั่นเก่าๆ ทำให้เดาเรื่องยาก
- ดูแล้วอดสงสารตัวละครที่ชีวิตถูกกระทำ
- สารที่เรื่องใส่มาชวนให้คิดว่า มนุษย์นี่แหละที่น่ากลัวกว่าบ้านผี
- เดินเรื่องเร็ว กระชับ นักแสดงเล่นดี
- เพลงประกอบทำให้เรื่องหลอนยิ่งกว่าเดิม
Cons
- การเล่าเรื่องสลับไทม์ไลน์ อาจทำให้หลายคนสับสน
- คนที่ดูเรื่องนี้ควรมีพื้นฐานจากหนังภาคแรกมาบ้าง เพราะตัวหนังแทบจะไม่บอกเล่าเรื่องของผีคายาโกะ
- สองตอนท้ายออกจะกึ่งแฟนตาซีเกินไปหน่อย
- จบแบบปลายเปิดที่หลายคนอาจไม่ชอบนัก
- เรต 20+ ฉากเลือดสาดโหดรุนแรงตลอดเรื่อง ไม่แนะนำสำหรับเด็ก
JU-ON: Origins จูออน กำเนิดโคตรผีดุ หนึ่งในหนังผีแฟรนไชส์ชื่อดังของญี่ปุ่น ที่เคยสร้างความสยองขวัญให้กับผู้ชมมาแล้วในอดีต ล่าสุดถูกนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ฉายใน Netflix
สำหรับการดัดแปลงเป็นซีรีส์ในครั้งนี้ ได้มือเขียนบทจากตำนานหนังผีญี่ปุ่นชื่อดังที่เคยฝากผลงานสุดคลาสสิกอย่าง “ริงกุ” หรือ The Ring ที่โด่งดังไปทั่วโลกมาร่วมกับทีมสร้างรอบนี้ด้วย เป็นการเพิ่มความสยองขวัญปนแนวทางสืบสวนเข้ามาด้วยกัน
คำเตือน: เรื่องนี้เป็นซีรีส์ผีที่โหดที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีมา
มีฉากเรต 20+ เลือดสาด ฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมตลอดเรื่อง ไม่ควรให้เด็กดูเด็ดขาด
ตัวอย่าง JU-ON: Origins Trailer
เรื่องย่อ จูออน กำเนิดโคตรผีดุ
เนื่องจากซีรีส์จูออนในครั้งนี้ได้มือเขียนบทจาก ริงกุ มาร่วมทีมสร้าง เลยเสมือนเป็นการผสมผสานสไตล์เรื่องแนวสืบสวนจากริงกุมาใช้เข้าไปกับเรื่องราวผีดุในแบบอาถรรพ์จากต้นฉบับจูออนเข้ามาด้วยกัน ซึ่งถือว่าเหมาะมากกับการทำเป็นซีรีส์ที่ต้องมีเรื่องเล่าหลายตอน และต้องทำให้เรื่องราวมีมากกว่าแค่มีผีออกมาเท่านั้น แต่ยังชวนให้คนดูสงสัยและเป็นปริศนาว่า มันมีอะไรเกิดขึ้นอยู่เบื้องหลังคำสาปสุดสยองในเรื่องนี้
ก่อนอื่นสำหรับคนที่ไม่เคยดูจูออนมาก่อน ที่มาของบ้านผีดุเริ่มแรกที่แฟนหนังหลายคนอาจจะทราบมาก่อนจากหนังภาคหลักคือ คายาโกะ ที่ถูกสามีตนเองสังหารพร้อมกับลูกชาย เนื่องจากถูกสงสัยว่ามีชู้กับครูตนเอง แล้วผีคายาโกะจึงแก้แค้นด้วยการสังหารสามีของเธอ นี่จึงกลายเป็นที่มาของเรื่องจูออนในต้นฉบับภาพยนตร์
ในส่วนของการเล่าเรื่อง จะแบ่งออกเป็นสองเส้นเรื่องหลัก โดยการแบ่งเรื่องเป็นสองไทม์ไลน์หลักที่เริ่มในปลายยุค 1980s
เส้นเรื่องแรก เล่าถึงเรื่องของ “ฮารุกะ” นักแสดงและพิธีกรสาวที่กำลังมีชื่อเสียงในเส้นทางอาชีพ และกำลังมีชีวิตคู่ที่ดีกับแฟนหนุ่มคือ เท็ตสึยะ
แต่แล้วชีวิตของฮารุกะก็เริ่มมีสิ่งผิดปกติ เนื่องจากเธอพบเสียงแปลกประหลาดในอพาร์ทเมนต์ของเธอเอง แต่ที่จริงสาเหตุดูเหมือนจะมาจากแฟนหนุ่มของเธออย่างเท็ตสึยะที่วันหนึ่งไปดูบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งเพื่อกะจะซื้อมาใช้ชีวิตคู่กับฮารุกะ แล้วเขาก็พบว่าบ้านหลังนั้นมีสิ่งผิดปกติ ซึ่งก็นำมาสู่ความสยองที่ลุกลามมาถึงชีวิตฮารุกะด้วย
อีกเส้นเรื่องที่เล่าคู่ขนานกัน เล่าถึงเรื่องของ “คิโยมิ” เด็กสาวมัธยมปลายที่มีชีวิตสุดรันทด เธออาศัยกับแม่เพียงลำพัง แล้วด้วยเสน่ห์กับความสวยของเธอก็ดูเหมือนจะเตะตาผู้ชายมากหน้าหลายตาที่ส่งผลทำให้ชีวิตเธอมีปัญหามากมาย และทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเริ่มดิ่งลงไปอีกหลังจากเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เธอต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับบ้านลึกลับหลังหนึ่ง
นอกจากสองตัวเอกสาวแล้ว ยังมีตัวเอกสำคัญอีกคนที่เสมือนเป็นหนึ่งในผู้เล่าเรื่องราวทั้งหมด นั่นคือนักเขียนวัยกลางคน “ฟุรุคาว่า” (นำแสดงโดย โยชิโยชิ อาราคาวะ นักแสดงแนวตลกชื่อดัง) เขาเป็นนักเขียนแนวลี้ลับสยองขวัญที่มักรวบรวมเรื่องราวลึกลับต่างๆมารวมเป็นหนังสือ แล้วได้มาขอสัมภาษณ์ฮารุกะเกี่ยวกับเรื่องของบ้านลึกลับนั้น ซึ่งที่จริงตัวเขาเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนั้นด้วย
JU-ON: Origins รีวิว จูออน กำเนิดโคตรผีดุ
ถามว่าสนุกไหม ก่อนอื่นในส่วนของการเล่าเรื่อง จะเล่าแบบสลับไปมาระหว่างไทม์ไลน์หลักของสองนางเอกอย่าง ฮารุกะ และ คิโยมิ ที่ทั้งสองคนมีชีวิตแตกต่างกันสุดขั้ว โดยมีบทของนักเขียนอย่างฟุรุคาว่า ซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบ้านผีจูออน แต่ตัวเขากลับไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงอะไรจากบ้านผีหลังนั้น
ด้านการเล่าเรื่องแบบสลับไทม์ไลน์อาจจะทำให้หลายคนงงอยู่บ้าง แต่ซีรีส์ก็พยายามระบุปี ค.ศ. เพื่อไม่ให้คนดูงงเกินไปเอาไว้ เวลาที่มีการสลับช่วงเวลา อีกทั้งในด้านรายละเอียดของยุคสมัยก็ทำได้สมจริงดี เนื่องจากหน้าตาตัวละคร เสื้อผ้าหน้าผม แฟชั่นต่างๆ ก็มีการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
มีจุดที่น่าสนใจอย่างมากที่หนังแฝงสาระมาก็คือ ระหว่างเรื่องจะมีการนำเสนอข่าวสารทางโทรทัศน์ ซึ่งแต่ละข่าวเป็นคดีดัง หรือเหตุการณ์ร้ายแรงในยุคสมัยนั้นๆ ซึ่งหากดูผิวเผินอาจจะไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่ตัวหนังเสมือนกับบอกคนดูว่า ทุกพื้นที่ทั่วโลก มีเหตุการณ์ร้ายแรง คดีฆาตกรรม สิ่งที่คนทำร้ายคนด้วยกันด้วยความอำมหิต ไปจนถึงอุบัติเหตุร้ายแรงต่างๆมากมายอยู่แล้ว ดังนั้นบ้านผีลี้ลับหลังหนึ่ง มันก็ไม่ได้น่ากลัวไปว่าเรื่องที่มนุษย์ทำร้ายกันเองนักหรอก
แล้ในช่วงแรกของตอนที่หนึ่ง จะมีฉากหนึ่งบนข่าวโทรทัศน์รายงานเรื่องคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว และถูกฆ่า นำศพมาไว้ในถัง ฆาตกรเป็นผู้ร้ายสามคน ที่ถูกจับตัวได้ ซึ่งถ้าดูจากเนื้อหาคดีนี้ มันคือการอิงเรื่องคดีของจุนโกะ (ที่มีการดัดแปลงเป็การ์ตูนด้วย) มานำเสนอในเรื่องนี้ ซึ่งดูเป็นความตั้งใจบางอย่างของทีมสร้าง แต่ทางทีมสร้างก็ยังให้เกียรติด้วยการไม่เอ่ยชื่อของเธอ แต่ใช้ชื่อสมมติอื่นแทน
หากดูจากสารต่างๆแล้ว นี่จึงเป็นความพยายามที่จะเล่าเรื่องราวให้ฉีกไปจากหนังจูออนแบบเดิมๆ เพราะในเนื้อหาตอนแรก ก็นำเสนอแล้วว่า สิ่งที่น่ากลัวกว่าผี (ที่ต่อให้ดุขนาดไหน) ก็เทียบไม่ได้เลยกับมนุษย์ด้วยกัน ที่พร้อมจะทำร้ายกันเองด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมและร้ายกาจยิ่งกว่า ซึ่งในเรื่องนี้มีการนำเสนอภาพความรุนแรง การฆาตกรรมที่โหดระดับ 20+ และบางฉากที่ชวนให้อึดอัด ชวนแหวะ แทรกอยู่ในหลายตอน แต่ความโหดเหี้ยมที่มนุษย์ทำต่อกันเองมากมายนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบ้านผีเลย ตัวบ้านผีมันแค่กระตุ้นสันดานดิบบางอย่างของมนุษย์ออกมาเท่านั้น
กลายเป็นว่ามนุษย์นี่แหละ ที่ทำร้ายกันเอง แล้วทำให้บ้านผีดุเหี้ยนขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งสิ่งหนึ่งที่ตัวซีรีส์ส่งสารมาให้คนดูก็คือ ที่จริงแล้วบ้านผีมันไม่ได้อยู่ดีๆก็เป็นของมัน เพราะมนุษย์ต่างหากที่ทำให้เกิดวังวนของคำสาปไม่รู้จบ เราจะพบว่าการฆาตกรรมและอื่นๆที่มนุษย์ในเรื่องสร้างไว้ทำให้สถานที่นี้ต้องคำสาปและดูเหนือจริง ไม่ใช่เพราะอยู่ๆมันเกิดขึ้นมาเอง
แล้วเหมือนตัวหนังต้องการจะล้อว่า ต่อให้บ้านผีดุ มันจะร้ายขนาดไหน มันก็ตั้งอยู่ของมันแบบนั้น ไปทำร้ายหรือฆ่าใครไม่ได้ ถ้าหากคนไม่ได้ทำร้ายกันเองแล้วถาโถมเอาความชั่วร้ายมาลงไว้ในสถานที่นี้จนมันกลายเป็นแหล่งรวมความเกลียดชังไปอย่างที่เราเห็นในระหว่างเรื่อง
ด้านนักแสดง ต้องยอมรับเลยว่า แสดงดีมาก แม้ว่าหลายคนจะไม่ใช่ดาราดังที่คุ้นหน้าเท่าไรนัก หนังมีความเป็นสากลในแง่การแสดง บทพูด ที่ไม่ได้ใส่ความเป็นญี่ปุ่นมากเกินไปนัก
แต่ในช่วงท้าย โดยเฉพาะสองตอนสุดท้าย ราวกับว่าซีรีส์หาทางลงได้ไม่ดีนัก หรือจะเป็นความตั้งใจของทีมสร้างก็ไม่ทราบได้ เพราะทำให้ช่วงท้ายของเรื่องดูจะเป็นการผสมผสานระหว่างไซไฟสอยงขวัญ มากกว่าแนวผีสางญี่ปุ่นทั่วไป แล้วก็ทำให้การนำเสนอเรื่องดูจะหลุดธีมไปจากช่วงครึ่งแรกที่นำเสนอมาในประเด็นการขุดคุ้นเรื่องจริงของบ้านผีดุในแนวสืบสวน
อีกจุดด้อยคือ บทสรุปของตัวละครบางคน ทีทำมาในแบบปลายเปิดมากไปสักหน่อย รวมถึงการหวนกลับมาเป็นบ้านผีดุ ที่สำแดงฤทธิ์เหมือนในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ในตอนสุดท้าย ซึ่งอาจจะทำให้คนดูบางส่วนไม่ชอบเท่าไรนัก และรู้สึกว่ามันเล่นง่ายไปไหม แถมตอนจบก็มาแนวปลายเปิด ปนจบแบบชวนขัดใจซะด้วย
JU-ON: Origins จูออน สปอย ตอนจบ
เชื่อว่าหลายคนดูเรื่องนี้แล้วต้องงงแน่ๆ โดยเฉพาะไทม์ไลน์ของเรื่องราว และบทสรุปตอนจบ ดังนั้นเรามาไล่ไทม์ลไลน์ของเรื่องกันก่อน
แต่ก่อนที่จะอ่านตรงนี้ ต้องทำความเข้าใจว่า ในพื้นที่บ้านผีนั้น เสมือนเป็นสถานที่ต้องคำสาปจากการที่ความชั่วร้ายต่างๆสะสมอยู่ในนั้น และคำสาปทำให้เกิดการวนลูปของเหตุการณ์ รวมถึงมิติเวลาที่ทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต วนเวียนอยู่ในพื้นที่นั้นไป
ใครงงตอนจบ กดคลิก Spoil ด้านล่างได้เลย
สปอย ตอนจบ
ปี 1952 มีคดีสะเทือนขวัญที่ลูกชายเจ้าของบ้านได้จับหญิงสาวมากักขังไว้ จนเธอตั้งท้อง แล้วตอนที่เธอท้องโตใกล้คลอด ผู้ชายก็คลั่งจะเอามีดมาฆ่าเธอ แต่เธอพลิกเอามีดแทงอีกฝ่ายจนตายไปด้วย ส่วนหญิงสาวก็ตายหลังจากนั้น แต่เด็กกลับคลอดออกมาได้ แต่ไม่มีใครหาพบว่าเด็กหายไปไหน
ปี 1960 ครอบครัวฟรุคาว่า ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้ มีพ่อ ลูกสาว 8 ขวบ และ ลูกชาย 5 ขวบ แล้ววันหนึ่งตัวลูกสาวก็หายตัวไป ส่วนพ่อก็ตายอย่างเป็นปริศนา ลูกชายตอนนั้นยังเด็กเลยจำความไม่ค่อยได้ เขาโตขึ้นมาเป็นนักเขียน ซึ่งก็คือ ฟุรุคาว่า ยาซูโอะ
มีจุดสังเกตที่น่าสนใจคือ เด็กทารกที่ผีผู้หญิงปริศนาในห้องใต้หลังคาได้มอบให้ยาซูโอะหลังจากเขาและพี่สาวขึ้นไปห้องใต้หลังคา ก็ถูกผู้หญิงลึกลับทุกกระจกเข้ามาพาตัวทารกนั้นหายไป
ซึ่งมีการเชื่อมโยงกับฉากที่คิโยมิ กลับมาที่บ้านแล้วทุบกระจก แล้วลิ้งก์กับอดีตที่ยาซูโอะเห็น จึงคาดว่าเด็กที่ถูกพาออกมานั้น แท้จริงแล้วก็คือ โยชิกิ ลูกชายของคิโยมิ
ปี 1988 ฮารุกะ พิธีกรสาวชื่อดังในเวลานั้น พบเหตุการณ์ปริศนาเมื่อเธอได้ยินเสียงประหลาดในอพาร์ทเมนต์ แต่ที่จริงสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นเพราะแฟนหนุ่มคือ เท็ตสึยะ ซึ่งเป็นคนที่มีสื่อพิเศษที่ได้รับจากแม่ของเขา ได้ไปดูบ้านเดี่ยวเพื่อจะหาซื้อมาใช้ชีวิตกับฮารุกะ แต่เขากลับพบว่าบ้านนี้มีสิ่งแปลกประหลาด สุดท้ายเท็ตสึยะเสียชีวิต
แต่ก่อนเสียชีวิต ฮารุกะเห็นลางบอกเหตุที่วิญญาณของเท็ตสึยะจากอนาคตมาหาที่หน้าบ้านของแม่เขา
ปี 1993 คิโยมิกับแฟนและลูกชาย โยชิกิ ใช้ชีวิตอย่างยากจน วันหนึ่งโยชิกิอาการโคม่าและกลายเป็นผัก อยู่โรงพยาบาล
เกิดคดีฆาตกรรมร้ายแรง เมื่อครอบครัวหนึ่ง สามีฆ่าภรรยา ที่ท้องแก่ใกล้คลอด แล้วนำศพเด็กไปฝังในสวนบ้านผี แล้วยัดเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในท้องเมียที่ชำแหละออกมา สุดท้ายสามีก็ผูกคอตายเสียชีวิตไปด้วย (ยาซูโอะอธิบายตอนจบว่า อาจเพราะสามีกลัวจะมีอะไรโผล่ออกมาจากตรงนั้น เล่นกับความเชื่อคนญี่ปุ่น)
ปี 1995 คิโยมิกลับไปที่บ้านผี และกลายเป็นผีอีกตัวอยู่ในบ้าน
ปี 1997 ครอบครัวหนึ่ง สามีและภรรยาท้องแก่ย้ายเข้ามา เกิดเหตุการณ์ในตอนจบ ที่คำสาปบ้านผีทำงาน พวกของ ฮารุกะ ยาซูโอะ และแม่ของเท็ตสึยะมาทำพิธีเรียกวิญญาณเพื่อหาว่าผีต้องการอะไร
ฮารุกะเห็นเหตุการณ์ในปี 1952 คดีที่ผู้หญิงท้องสู้กับคนร้ายจนตาย
สามีของครอบครัวตอนสุดท้าย ซ้ำรอยกับพ่อของยาซูโอะ ตายปริศนา ร่างถูกบีบอัดเผาไหม้กลายเป็นก้อนเนื้อ
แม่ของเท็ตสึยะ กลายเป็นผีอีกตนในบ้านผี
ยาซูโอะ ยังคงมีหน้าที่เป็นนักเขียนที่บอกเล่าเรื่องของบ้านผีออกไป
เจ้าหน้าที่หญิงที่ดูแลโยชิกิ กลับไปเยี่ยมอาการ พบว่าโยชิกิที่นอนเป็นผักพยายามเตือนคนที่เข้าไปยุ่งกับบ้านผี
ฮารุกะกลับไปบ้านผีตอนสุดท้าย และถูกผีคนร้ายในปี 1952 จับตัว คำสาปเริ่มวนลูป
สำหรับ Spoil คนรอดชีวิตในตอนจบคือ
สรุปคนรอดตอนจบ
ยาซูโอะ เจ้าตัวคิดว่าเพราะบ้านผีต้องการให้เขาถ่ายทอดเรื่องราวต่อ
เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์หญิง อาจเพราะเธอเป็นคนดูแลโยชิกิ
ตำรวจนักสืบ
นายหน้าอสังหา
จะเห็นว่า หลายคนที่เข้าไปในบ้านผี ไม่ได้ตาย หรือคนที่ตายก็ไม่ได้ตายทันที และจะพบว่าหลายตัวละครที่ชีวิตล่มจมก็เพราะตนเองหรือสังคมกระทำ ไม่ใช่เพราะบ้านผีโดยตรง ซีรีส์เหมือนต้องการปรับเปลี่ยนแนวคิดของคนดูและผู้ที่จะนำเรื่องนี้ไปสร้างต่อว่า บ้านผีไม่ได้ฆ่าคนดะ มันไม่ได้มีพลังขนาดนั้น แต่มันเป็นเสมือนจุดเริ่มของการแพร่กระจายความชั่วร้าย ที่เอาเข้าจริงๆ ความชั่วร้ายที่ทำให้เกิดคำสาปในบ้าน ก็มาจากมนุษย์เข้าไปทำไว้ทั้งนั้น และคำสาปมักมาในรูปแบบวนลูป คือเหตุการณ์เดิมๆจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมักมีองค์ประกอบคือ สามีภรรยาที่เข้ามาในบ้าน ภรรยาอาจจะท้องอยู่ และสามีก็จะฆ่าภรรยาวนไปเรื่อยๆ น่าสังเกตว่า ผู้ชายทุกคนที่เกิดการคลั่ง มักมีแนวโน้มจะเป็นคนที่รุนแรงอยู่แล้ว
ในขณะที่กลุ่มคนที่รอด ไม่ได้หมกมุ่นอะไรกับบ้านหลังนี้หรือเข้าไปเอาความชั่วร้ายเพิ่มมากนัก ซึ่งกลุ่มของ เท็ตสึยะ แม่ของเท็ตสึยะ เป็นพวกที่สื่อบางอย่างกับบ้านได้ ตัวบ้านอาจจะอยากได้พวกเขา
ส่วนตอนจบ สรุปว่าผีที่ติดค้างอยู่ในบ้านก็มี
ผีฆาตกรโรคจิต ตัวนี้เหี้ยนสุด
ผีสาวที่ถูกกักขังบนใต้ถุนหลังคา
ผีเด็กทารก (คาดว่านี่คือ โยชิกิ)
ผีคิโยมิ
ผีแม่เท็ตสึยะ
สำหรับชะตากรรมของฮารุกะ คงต้องรอดูว่าจะมีทำซีซันสองไหม
ส่วนผีที่อยู่ในหนังต้นฉบับอย่างผีคายาโกะ ซีรีส์ไม่ได้นำเสนอออกมา ให้เราลืมไปก่อน เหมือนซีรีส์พยายามจะสื่อว่า ผีคายาโกะเป็นหนึ่งในเรื่องเล่า แต่ไม่ใช่ต้นกำเนิดของเรื่องราว
สรุปภาพรวมแล้ว เรื่องนี้เหมือนเป็นการผสมระหว่าง ริง+จูออน ในแง่ของการเดินเรื่องเชิงสืบสวน ที่เปิดเรื่องมาอย่างน่าสนใจในแง่ที่ฉีกแนวไปจากจูออนต้นฉบับ ที่ต้องการย้อนรอยว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านหลังนี้ มากไปกว่าข้อมูลที่คนดูทั่วไปรับรู้จากเรื่องราวของคายาโกะ ที่ถูกสามีสังหารในนิยายต้นฉบับ และทำให้เห็นว่า ที่บ้านหลังนี้มันโคตรเหี้ยน ก็เพราะคนอื่นๆด้วยนั่นแหละที่ทำให้คำสาปมันสะสมแรงกล้ามากขึ้น
นอกจากนี้ตัวซีรีส์นั้นหนังหากดูจบแล้ว หลายคนอาจจะรู้สึกอึนๆ เช่นเดียวกับที่หลายคนอาจจะเคยเป็นมาก่อนกับหนังภาคเก่าๆ ซึ่งโดยรวมแล้ว แฟนของจูออน (และคนชอบแนวริงกุ) ควรดู แต่ถ้าไม่ใช่แฟนเรื่องผีแนวนี้ อาจจะข้ามไปก็ได้ครับ
รวมรีวิวซีรีส์ญี่ปุ่นใน Netflix คลิกที่นี่
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
อ้างอิงข้อมูลจาก