รีวิว+สปอยล์ MESSIAH เมื่อบุตรพระเจ้ามารอบนี้ไม่ได้เป็นคริสต์+กัดอิสราเอล
MESSIAH
สรุป
Messiah Netflix รีวิว ซีรีส์สุดแนวที่เดินเรื่องแนวทริลเลอร์การเมืองข้ามชาติคล้าย Homeland แต่ใส่ประเด็นความเชื่อศาสนาคริสต์+อิสลาม ปนจิกกัดอิสราเอลกับชาวยิว แถมโยนลูกระเบิดใหญ่ลงมาว่า ถ้าบุตรพระเจ้าที่กลับมารอบนี้ ไม่ใช่คริสต์ แถมยังมาช่วยทวงสิทธิให้ชาวมุสลิมและปาเลสไตน์ในแผ่นดินอิสราเอลหรือเมืองศักดิสิทธิ์อย่างเยรูซาเลมละ
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- แก่นเรื่องชัดเจน เดินเรื่องได้ดีภายใต้ข้อจำกัดของโปรดักชั่น
- เป็นซีรีส์ที่มีเสน่ห์และความเฉพาะตัวอย่างประหลาด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบหรือไม่ชอบ รู้ตัวอีกทีอาจจะดูจนจบไปเลย
- ตัวซีรีส์มีสิทธิขึ้นแท่นเป็นเรื่องอันดับต้นๆของ Netflix ในปี 2020
- การตัดต่อเดินเรื่องกระชับ มีจุดเอื่อยบ้างแต่กลับเติมเต็มเรื่องราวได้ดีมาก
- ซีรีส์เดินเรื่องในสไตล์ทริลเลอร์การเมืองข้ามชาติแบบ Homeland + ยั่วล้อความเชื่อและศรัทธากับยั่วล้อเรื่องปาฏิหาริย์ในพระคัมภีร์ของสามศาสนา
- ผสมผสานและใส่สัญญะในคัมภีร์ของคริสต์ ยูดาย มุสลิม เข้าด้วยกันได้น่าสนใจ
- บทสรุปซีซันแรกเป็นแบบปลายเปิด มีการเคลียร์บทตัวละครรองบางคนได้ดี พร้อมปูทางไปซีซันสอง
Cons
- คนเอเชียอาจจะไม่อินกับประเด็นความเชื่อในศาสนาคริสต์และอิสลามในเรื่อง
- ถ้าไม่มีพื้นเรื่องความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์และชาติอาหรับมาก่อนอาจจะงงอยู่บ้าง
- เรื่องนี้โจมตีอิราเอลชัดเจนมาก และชาวคริสต์กับมุสลิมในบางกลุ่ม อาจจะไม่ชอบ
- เป็นซีรีส์ที่ตีแผ่ความสัมพันธ์และผลประโยชน์ร่วมของสหรัฐและอิสราเอล (ที่คนชอบสายการเมืองน่าจะรู้อยู่แล้ว)
- ฝั่งซีไอเอซีซันแรกจะเน้นเล่าแค่มุมนางเอก ยังไม่เน้นการทำงานสืบสวนเป็นทีมเท่าไหร่
MESSIAH NETFLIX 2020 รีวิว เมื่อพระผู้ไถ่หรือบุตรพระเจ้ามาอยู่ในยุคปัจจุบัน ซีรีส์แนวทริลเลอร์การเมืองข้ามชาติที่ใส่ประเด็นความเชื่อศาสนา คริสต์+อิสลาม ปนจิกกัดชาวยิวและอิสราเอล
แถมยังมีการโยนลูกระเบิดใหญ่ลงมาในเรื่องว่า สมมติว่าถ้าหากบุตรพระเจ้าที่กลับมารอบนี้ ไม่ใช่คริสต์ แถมยังมาช่วยทวงสิทธิให้ชาวมุสลิมและปาเลสไตน์ในแผ่นดินอิสราเอลหรือเมืองศักดิสิทธิ์อย่างเยรูซาเลมอีกละ เรื่องมันจะเป็นยังไง
สำหรับซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับโดย Michael Petroni นำแสดงโดย Michelle Monaghan ที่เคยมีผลงานเก่าอย่าง MI3 กับ Mehdi Dehbi นักแสดงชาวเบลเยียมเชื้อสายตูนิเซีย ที่เคยมีผลงานอย่าง The Other Son สมทบด้วย John Ortiz ที่เคยมีผลงานใน Fasts & Furious 6
คะแนนเฉลี่ย IMDB
MESSIAH NETFLIX Season 1 TRAILER เมสิอาห์ ตัวอย่าง
Messiah เรื่องย่อ
เมื่อจู่ๆวันหนึ่ง อัลมาซีฮ์ (Al masih) ชายที่มีลักษณะท่าทางคล้ายพระเยซูปรากฏตัวขึ้นในตะวันออกกลาง ณ เมืองดามัสกัส แล้วเผยแผ่คำสอนของพระอัลลอห์ ทำให้ผู้คนทั่วเมืองเกิดความเชื่อและศรัทธา รวมกับปาฏิหาริย์พิสดารที่เกิดขึ้น จึงทำให้ชาวปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งเดินทางติดตามเขาแล้วอพยพไปยังชายแดนอิสราเอล โดยหนึ่งในนั้นมี จิบริล เด็กหนุ่มที่เกิดความศรัทธาต่อเขาอย่างแรงกล้าติดตามมาด้วย
แต่แท้จริงแล้ว อัลมาซีฮ์ หรือเมสิอาห์ เขาเป็นพระผู้ไถ่ของจริงหรือเป็นเพียงของปลอมที่เป็นนักต้มตุ๋นที่เป็นอัจฉริยะซึ่งแท้จริงแล้วอาจจะมีความเชื่อมโยงกับผู้ก่อการร้ายระดับโลก นี่คือปริศนาสำคัญที่ตัวละครเอกอีกคนคือ เอว่า แกลเลอร์ เจ้าหน้าที่ซีไอเอสาวของเรื่องต้องพยายามสืบหาความจริง โดยมี อีวาราม เจ้าหน้าที่พิเศษมอสซาดของอิสราเอลเป็นอีกคนที่ต้องการค้นความจริงเรื่องนี้เช่นกัน นอกจากนี้การปรากฏตัวของอัลมาซีฮ์ยังส่งผลกระทบไปถึงบาทหลวงเฟลิกซ์กับครอบครัวโดยเฉพาะรีเบ็คก้าผู้เป็นลูกสาวที่อยู่ห่างไปในสหรัฐอเมริกา และกระทบต่อความเชื่อของผู้คนทั่วโลก
เมสิอาห์ ซีรีส์ เพียงไม่กี่เรื่องที่เอายิวและอิสราเอลเป็นฝั่งตรงข้าม
เมื่อดูจนจบแล้ว อาจกล่าวได้ว่า แก่นของเรื่องเหมือนเป็นกรณีสมมติอย่างจริงจังว่า ถ้าจู่ๆวันหนึ่ง มีบุตรพระเจ้า พระผู้ไถ่ เมสิอาห์ ปรากฏตัวขึ้นมา โอเค เขายังคงเป็นชาวยิวเหมือนกับพระเยซู แต่คราวนี้เขาไม่ใช่คริสต์ แม้ว่าเขาจะประกาศคำสอนของมุสลิม อ้างอิงคำของพระอัลลอห์ แต่เขาก็ดูเหมือนไม่ใช่มุสลิม เขาไม่ใช่ยูดาย ไม่ใช่ศาสนาไหนๆ แต่คือบุตรพระเจ้า ผู้ส่งสาส์นของพระเจ้า โดยที่ก้าวข้ามเรื่องการเป็นพระเจ้าของชาวยิวและก้าวพ้นความชอบธรรมที่อิสราเอลนำมาใช้อ้างว่าชนชาติพวกตนมีความชอบธรรมในดินแดนศักดิสิทธิ์ และเข่นฆ่ากับขับไล่ชาวปาเลสไตน์ที่อยู่มาแต่เดิมออกไป
น่าดูแค่ไหน
เมื่อดูไปเรื่อยๆ คุณอาจจะพบว่า สุดท้ายแล้วมันไม่สำคัญว่า “ตัวเอกในเรื่องคือบุตรพระเจ้าหรือพระผู้ไถ่ของจริงหรือไม่” เพราะตัวซีรีส์นำเสนอปมประเด็นและเรื่องราวที่ไปไกลกว่านั้น
ตัวเอกของเรื่องถูกเรียกว่า อัลมาซีฮ์ เมสิอาห์ หรือ พระผู้ไถ่ พระผู้ช่วยให้รอด บุตรพระเจ้า แล้วแต่จะแปลหรือเลือกใช้คำศัพท์กัน แก่นของความหมายก็เป็นเช่นนั้น ซึ่งแม้ว่าเขาจะมีเรื่องราวแสดงปาฏิหาริย์พิสดารให้เห็นเป็นระยะ แต่น้ำหนักของเรื่องจะเริ่มเทไปในทิศทางที่ว่าเขาอาจจะเป็นนักต้มตุ๋นระดับโลกไปจนถึงคนบ้าที่สามารถแสดงปาฏิหาริย์ให้ผู้คนทั่วโลกได้มองเห็นแล้วเกิดความเชื่อศรัทธา ไปจนถึงคอนเนคชั่นลึกลับที่ไม่ธรรมดากับผู้ก่อการร้ายไซเบอร์ระดับโลก แต่นั่นคือเรื่องจริงหรือลวงอีกชั้น ซึ่งในเรื่องอาจจะไม่ได้มีการหักมุมแรงๆอะไรมากมายนัก แต่ชวนให้เราลุ้นตามว่า เรื่องจะเล่าอะไรให้เราได้ชมกันต่อ
นอกจากนี้สิ่งที่ซีรีส์นำเสนอไว้ดีมากมีหลายจุดครับ โดยเฉพาะรูปแบบการเดินเรื่องที่ผู้กำกับฉลาดมากในเลือกแนวสืบสวน ทริลเลอร์การเมือง ก่อการร้ายข้ามชาติ ทำให้มันเป็นการดำเนินเรื่องแบบจริงจังในโลกความจริงในธีมที่จริงจัง แต่ในเรื่องกลับโยนตัวละครอย่าง อัลมาซีฮ์ ที่มีส่วนผสมทุกอย่างของความเหนือธรรมชาติเข้ามา ทำให้เราอดลุ้นหรือคิดตามไม่ได้ว่า สรุปแล้ว ตัวเอกของเรื่องเป็นพระผู้ไถ่ของจริงหรือไม่ เพราะด้วยโทนเรื่องเป็นธีมซีรีส์สืบสวนแบบทริลเลอร์การเมือง ทำให้เรื่องราวดูจริงจังจนเกินกว่าจะมีพื้นที่ของความแฟนตาซีหรือเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามาได้ หรือถ้าจะมี ก็อดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่ตัวเอกทำทั้งหมด เป็นเรื่องแหกตา หลอกลวง หรือใช้มายากกลอะไร
ที่สำคัญคือในเรื่องก็มีการใส่เหตุการณ์เหนือธรรมชาติหรือปรากฏการณ์ที่เป็นภัยธรรมชาติรุนแรงและพิสดารในเรื่องเข้ามาเป็นระยะทำให้คนดูก็อดที่จะเอาใจช่วยตามไม่ได้ว่า อยากจะให้ตัวเอกเป็ยของจริง แม้ว่าเมื่อดูไปเรื่อยๆ น้ำหนักจะเริ่มเทไปในทิศทางที่ว่าตัวเอกเป็นนักหลอกลวงก็ตาม
อีกจุดที่น่าสนใจคือ ในเรื่องมีการใส่เตตุการณ์ที่แฝงไปด้วยสัญญะใน พระคัมภีร์ไบเบิล, โตราห์, อัลกุรอ่าน แบบผสมผสานกัน ตั้งแต่ โมเสส พระเยซู นบีมูฮัมหมัด ไม่ว่าจะเป็น
Messiah Spoil เนื้อหาบางส่วนโคตรๆ
เรื่องที่อัลมาซีฮ์ ทำได้ก็เช่น
- การใช้พลังรักษาผู้บาดเจ็บ
- การเผยแผ่พระวจนะ
- การพาผู้คนอพยพข้ามดินแดน
- การเดินบนน้ำ
- มีการดัดแปลงหายนะทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับอียิปต์เมื่อครั้งโมเสสต้องการพาชาวยิวออกจากการเป็นทาสแล้วอพยพไปยังเยรูซาเลม
ในซีรีส์ยังจิกกัดความเชื่อของคริสตชนบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การทำแท้ง ซึ่งขัดกับความเชื่อของชาวคริสต์ที่เคร่งครัด แต่ในเรื่อง อัลมาซีฮ์กลับเลือกรีเบ็คก้าที่เป็นเด็กผู้หญิงทำแท้งมากกว่าพ่อของเธอซึ่งเป็นบาทหลวง
นอกจากนี้ตัวซีรีส์ยังมีจุดที่ดูเหมือนต้องการจิกกัด “เรื่องราวพระเยซู” หลายอย่าง โดยผ่านทางตัวตนของอัลมาซีฮ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ เขามีรูปลักษณ์คล้ายพระเยซู และที่หนักเลยก็คือ เอว่าค้นพบข้อมูลที่ชี้ว่า สมัยที่เขาเคยเข้าโรงพยาบาลจิตเวชในวัยหนุ่ม เขามีความเชื่อว่าตนเองเป็นผู้มาโปรดอย่างแรงกล้า ตรงนี้เหมือนจะยั่วล้อว่า
แล้วถ้าในสมัยอดีต พระเยซูก็เป็นเพียงมนุษย์ที่มีอาการจิตเวช เชื่อว่าตนเองเป็นพระผู้ไถ่อย่างแรงกล้าละ
แล้วถ้าทุกสิ่งที่พระเยซูได้แสดงปาฏิหาริย์ไว้ในพระคัมภีร์ ก็เป็นเพียงมายากลกับการใช้จิตวิทยาในการอ่านผู้คนเหมือนที่อัลมาซีฮ์โดนโจมตีในเรื่องนี้ละ
แล้วถ้าสิ่งที่พระคัมภีร์จารึกไว้เกี่ยวกับพระเยซูนั้นไม่ได้เป็นความจริงละ
เพราะขนาดในเรื่องนี้ซึ่งทุกอย่างที่อัลมาซีฮ์ทำไว้ มีการถ่ายคลิปเคลื่อนไหวเผยแพร่ออกไปขนาดนั้น สุดท้ายก็ยังมีคนไม่เชื่อและหาทางเปิดโปงอยู่ดี
นอกจากเล่าในมุมของการสืบสวนผ่านทางเอว่า และมุมความเชื่อและศรัทธาที่กำลังพังอย่างบาทหลวงเฟลิกซ์แล้ว ในเรื่องยังมีเส้นเรื่องหลักคือการตัดสลับเล่าไปยังฝั่งของ จิบริล เด็กหนุ่มมุสลิมที่ติดตามอัลมาซีฮ์แล้วอพยพข้ามจากดามัสกัสมาจนถึงชายแดนของอิสราเอล
เชื่อว่าตอนแรกนี่เป็นตัวละครที่คนดูราวครึ่งเรื่องอาจสงสัยว่าเขาจะมีบทบาทอะไรกันแน่ แต่หลังจากดูไปจนจบ อาจจะพบว่าจิบริลเป็นตัวละครที่มีลักษณะเป็นเสมือนตัวแทนของคนที่จะกลายเป็น “อัครสาวก” หรือผู้นำคำสอนที่จะเผยแผ่ความเชื่อนี้ให้กระจายออกไปมากขึ้น โดยเป็นการเล่าให้เห็นในฝั่งของอิสราเอลและจากมุมของผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ด้วย ไม่ใช่เล่าแต่ในมุมของฝั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนหรือเรื่องราวในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่งถือว่าทำได้ดีทีเดียว
อีกทั้งซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังค่อนข้างแฝงการต่อต้านอิสราเอลและชาวยิว และเป็นกระบอกเสียงให้กับชาวปาเลสไตน์ไปในตัวพอสมควร นี่จึงเป็นมุมหนึ่งที่ทำให้คนอิสราเอลอาจจะไม่ชอบเรื่องนี้ไปเลย ในขณะที่คนมุสลิมมีแนวโน้มจะชอบเรื่องนี้มากกว่า (แม้จะไม่ใช่ทุกคน หรือบางนิกาย)
Messiah ตอนจบ + ทิศทางซีซัน 2 (ถ้ามี) สปอยล์บางส่วน
สปอยล์ตอนจบบางส่วนครับ
ซีซันแรกของเรื่องเลือกที่จะจบเรื่องแบบปลายเปิดและสร้างปมให้คนขบคิดเกี่ยวกับความเชื่อ ส่วนตอนจบแม้ว่าตลอดทั้งเรื่องซีรีส์จะวางบทของอัลมาซีห์หรือเมสิอาห์มาแบบก้ำกึ่งระหว่างเรื่องที่เขาเป็นนักหลอกหลวงหรือเป็นผู้ไถ่ของจริง แต่ในตอนจบของซีซันแรกเรื่องก็แทบจะกึ่งเฉลยไปแล้ว เข้าใจว่าทีมสร้างเลือกทำไว้แบบนี้เพราะเผื่อว่าซีรีส์อาจจะไม่ได้ไปต่อ เลยเคลียร์ปมรองต่างๆของเรื่องไปเกือบหมด และทิ้งปมใหญ่สุดของเรื่องไว้ให้คนดูเลือกเอาว่าอันไหนคือความจริงกันแน่ ซึ่งก็ถือว่าทำในส่วนนี้ได้ดีระดับหนึ่ง
โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะได้สร้างภาคต่อแน่นอนครับ ซึ่งซีซัน 2 น่าจะเป็นการพลิกบทตัวละครที่โดนวางมาเป็นฝั่งตรงข้ามอย่างอาวีรามว่าหลังจากฉากตอนสุดท้ายน่าจะทำให้เขากลายเป็นสาวกอีกคนของอัลมาซีห์ค่อนข้างแน่นอน ในขณะที่อัลมาซีห์ก็คงมีภารกิจที่จะต้องกลับไปปรากฏตัวเพื่อกอบกู้ศรัทธาอีกรอบ หรือไม่เรื่องในซีซัน 2 อาจจะไปในมุมที่เด็กสองคนอย่างจิบริลและรีเบ็คก้าที่อัลมาซีห์ได้ทิ้งอะไรบางอย่างไว้ จะกลายเป็นตัวเดินเรื่องสำคัญในฐานะผู้เผยแผ่ความเชื่อของเขาต่อไป ในขณะที่ฝั่งนางเอกของเรื่องอย่างเอว่า ก็คงจะได้ตามสืบสวนหาความจริงเพิ่มเติมโดยมีคู่ต่อสู้คือรัฐมนตรีแคเมอรอนที่เรื่องวางมาเป็นเสมือนตัวร้ายของเรื่องครับ
แล้วยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ซีรีส์อาจจะใส่สปอยล์ไว้แล้วก็คือ เรื่องชื่อของ อัลมาซีห์ “Al-Masih ad-Dajjal” ในภาษาอาราบิก หมายถึง “deceiver” แปลว่าผู้หลอกลวง นี่อาจจะเฉลยก็ได้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องทั้งหมดคือการหลอกลวง แต่จะใช้ทริคยังไงถึงทำได้ขนาดที่เกิดขึ้นในเรื่อง คงต้องรอดูกันต่อ
สุดท้ายแล้ว อย่างที่ตัวเรื่องเริ่มเล่ามาเรื่อยๆว่า บางทีอาจจะไม่สำคัญว่าตัวเอกที่เป็นเมสิอาห์ในเรื่องจะเป็นของจริงหรือของหลอกลวง (ถ้าเขาปรากฏตัวจริงๆ) อยู่ที่ว่าผู้คนเลือกจะเชื่อศรัทธาและทำให้โลกเราในภาพรวมน่าอยู่ขึ้น โดยลดละความรุนแรงและเกลียดชังระหว่างชนชาติหรือไม่
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website