playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Sailor moon Eternal Netflix ฉบับหนังโรงสองภาค ศึกใหญ่สู่ร่างสุดยอด เซเลอร์มูน อีเทอร์นัล แฟนๆ ต้องดู

สรุป

ภาคที่ 4 ของเซเลอร์มูนฉบับรีเมค ที่สร้างตามต้นฉบับมังงะของ อ.นาโอโกะ ได้ใกล้เคียงที่สุด โปรดักชั่นดี แทบไม่มีเผา แฟนเซเลอร์มูนทุกคนต้องดู เพราะนี่คือภาคที่เนื้อหาแฮปปี้ที่สุด

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • โปรดักชั่นดี งานภาพ CG โมชั่นเคลื่อนไหว ทำได้ดี
  • มีความพยายามทำให้ลายเส้นและลำดับเรื่องใกล้เคียงกับต้นฉบับมังงะที่สุด ทั้งฉากสำคัญ ไดอาล็อค บทพูด กระทั่งฉากแสดงอารมณ์
  • เล่าเรื่องเร็ว กระชับ ไม่ยืดเยื้ด
  • เป็นอนิเมะสาวน้อยแปลงร่างที่เด็กผู้ชายก็ดูได้ ครึ่งหลังจะมีฉากแอ็กชั่นเยอะขึ้น
  • เพลงประกอบทำได้อลังการดี
  • มีพากย์ไทย เป็นทีมเดิมที่เด็กยุค 90 คุ้นเคยจากช่อง 9 ทีวี
  • ทีมพากย์ไทยเก่งมาก ตอนที่อุซางิและอุซางิน้อยสลับอายุกัน คนพากย์ก็จะดัดเสียงให้เข้ากับอายุด้วย

Cons

  • ไม่มี Recap เล่าย้อนเรื่องราวจากภาคก่อนๆ ถ้าไม่ใช่แฟนเซเลอร์มูนมาก่อนอาจดูจะไม่รู้เรื่องว่าใครเป็นใคร โดยเฉพาะบทของอุซางิน้อยที่มาจากอนาคต
  • เนื้อหาในพาร์ทแรกเป็นการแบ่งบทสู้ เหมือนดูอนิเมะแบบรายตอนแล้วมาต่อกันมากกว่าจะเป็นมูวี่หนังยาว
  • ฉากแอ็กชั่นในเรื่องมาแนวยิงท่าไม้ตายใส่กัน ใครคาดหวังต้องมีฉากสู้แบบสมจริงอาจจะใม่ใช่แนว
  • ในซับไทยมีการแปลชื่อของอุซางิและอุซางิน้อย คือ กระต่ายและกระต่ายน้อย เป็นการแปลแบบตรงตัวหลายครั้งเกินไป

ADBRO

Sailor moon Eternal Netflix รีวิว พริตตี้ การ์เดี้ยน เซเลอร์มูน อีเทอร์นัล เดอะมูวี่ อนิเมะ ฉบับรีเมคของการ์ตูนคลาสสิกในตำนานที่ได้กลับมาสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก ต้นฉบับมังงะเขียนโดย อ.นาโอโกะ ทาเคอุจิ (ซึ่งปัจจุบันเป็นภรรยาของผู้เขียนเรื่อง Hunter x Hunter) โดยเมื่อยุค 90s ทางค่าย Toei เคยนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมะซีรีส์ฉายทางโทรทัศน์แล้วประสบความสำเร็จอย่างมากถึงขั้นปฏิวัติวงการอนิเมะแนวสาวน้อยแปลงร่างไปตลอดกาล

ส่วนเนื้อหาในภาคนี้ หากเทียบกับในมังงะต้นฉบับทั้งหมด 12 เล่มจบ (มีลิขสิทธิ์แปลไทย) จะเป็นเนื้อหาในภาคที่ 4 ซึ่งอยู่ระหว่างเล่มที่ 9-10 แล้วหากเทียบกับอนิเมะเก่าเวอร์ชั่นยุค 90 ก็จะตรงกับภาค Sailor moon Super S

ส่วนในภาค Eternal ฉบับมูวี่ทั้งสองพาร์ท แบ่งเป็นพาร์ทละ 1.20 ชั่วโมง สามารถรับชมได้เลยทาง Netflix

 Sailor Moon Eternal (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Sailor moon Eternal Netflix Trailer

Sailor moon Eternal เรื่องย่อ

สำหรับเซเลอร์มูน จัดว่าเป็นการ์ตูนที่มีชื่อเสียงและประทบความสำเร็จไปทั่วโลก ได้ชื่อว่าเป็นอนิเมะ 1 ใน 2 เรื่อง ร่วมกับ Dragon Ball ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ เข้าไปฉายทางช่อง Cartoon Network ในสหรัฐอเมริกา แล้วสามารถทำเรตติ้งสูงสุดตลอดกาลได้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน โดยที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอนิเมะซีรีส์เรื่องไหนทำได้แบบสองเรื่องนี้

เซเลอร์มูน เป็นเรื่องราวของ สึกิโนะ อุซางิ เด็กสาวธรรมดาที่ความจริงแล้วในอดีตชาติเธอเคยเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ ในชื่อเจ้าหญิงเซเรนิตี้ แต่หลังจากอาณาจักรดวงจันทร์ล่มสลายเพราะสงครามกับอาณาจักรโลกที่เกิดจากความเข้าใจผิด ทำให้เธอกลับชาติมาเกิดในยุคปัจจุบันร่วมกับเหล่าองครักษ์คู่กายทั้งสี่คน และคนรักในอดีตชาติคือ เจ้าชายของอาณาจักรโลก เอเดเมียน ที่ได้กลับชาติมาเกิดเป็นชายหนุ่มชื่อ มาโมรุ แล้วในชาติปัจจุบัน อุซางิและเพื่อนอีกสี่คนที่ได้กลับมาพบกันก็ได้รับพลังอัศวินเซเลอร์เพื่อร่วมมือกันต่อสู้กับเหล่าศัตรูที่ต้องการยึดครองโลก

เรื่องราวในภาคนี้จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาสงบสุขของพวกเหล่าอัศวินเซเลอร์ หลังจากผ่านศึกใหญ่ทั้งสามครั้ง อุซางิ มาโมรุ และ อุซางิน้อย หรือ จิบิอุสะ ซึ่งที่จริงแล้วคือลูกสาวของอุซางิและมาโมรุที่กลายเป็นราชินีและราชาของอาณาจักรซิลเวอร์มิเลเนียมที่ถูกฟื้นฟูขึ้นมาในโลกอนาคตศตวรรษที่ 30 กว่าพันปีข้างหน้า ที่ได้ย้อนกลับมายังโลกปัจจุบัน ก็ถึงเวลาที่อุซางิน้อยจะต้องเดินทางกลับไปยังอนาคต แต่แล้วยังไม่ทันจะได้เดินทางกลับ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อทั้งอุซางิและอุซางิน้อยได้พบว่ามีม้าเปกาซัส ที่ชื่อว่า เฮลีออส เดินทางมาขอความช่วยเหลือ แล้วบอกว่ากำลังตามหาหญิงสาวที่มีความฝันบริสุทธิ์ที่สุด เพื่อจะปกป้องโลกนี้จากความชั่วร้ายซึ่งจะนำมาพวกเดดมูน ที่มีผู้นำคือ ราชินีเนเฮลเนีย พร้อมกับพวกอเมซอนเนส

ในภาคนี้จึงเป็นการต่อสู้ครั้งใหม่ ศัตรูกลุ่มใหม่ พร้อมกับพลังใหม่ที่จะยกระดับให้เหล่าอัศวินเซเลอร์ รวมถึงทำให้เซเลอร์มูนกลายเป็นร่างที่ใกล้เคียงกับคำว่าร่างสุดยอดนั่นคือ เซเลอร์มูนอีเทอร์นัล

Sailor moon Eternal Netflix รีวิว พริตตี้ การ์เดี้ยน เซเลอร์มูน อีเทอร์นัลSailor moon Eternal รีวิว

ก่อนอื่นขอชื่นชมทีมพากย์ไทยของเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นทีมพากย์ชุดเดิมจากที่เคยพากย์เซเลอร์มูนในช่อง 9 มาก่อน รวมถึงฉบับคริสตัลทั้งสามภาคที่รีเมคมาฉายใหม่ ก็ยังเป็นทีมนี้ และทำได้ดีมาก สมกับที่ทั้งทีมได้คว้าราลวังโทรทัศน์ทองคำในปี พ.ศ. 2560 ในสาขาทีมพากย์ โดยผลงานที่ทำให้ได้รางวัลก็มาจากการพากย์เรื่องเซเลอร์มูนคริสตัลนั่นเอง

แล้วที่ต้องชมมาก็คือ คุณเปียก วิภาดา จตุยศพร ที่รับบทเซเลอร์มูน ก็ยังคงทำได้ดีมากตามมาตรฐานที่สร้างไว้สูงจนยากที่จะหาใครเทียบเคียงได้ในการพากย์บทนี้ และยังมีการกลับมาพากย์บทมาโมรุของ น้าต๋อยเซมเบ้ ที่ต้องยอมรับว่าด้วยอายุและสุขภาพของน้าต๋อ อาจจะทำให้การออกเสียงดูแปลกไปบ้าง แต่ในแง่มาตรฐานก็ยังทำได้ดีครับ แน่นอนว่ารวมถึงทีมนักพากย์คนอื่นด้วย

เพิ่มเติม คลิปบทสัมภาษณ์ คุณเปียก ผู้พากย์เสียงเซเลอร์มูน เกี่ยวการกลับมาพากย์เรื่องนี้

ข้อดี มากอีกเรื่องก็คืองานสร้าง โปรดักชั่น CG ทำได้ตามระดับมาตรฐาน ถือว่าเป็นงานที่ Toei เผาน้อยเป็นอันดับต้นๆ ถ้าเปรียบเทียบกับเซเลอร์มูนคริสตัลที่ฉายในโทรทัศน์ก่อนหน้านี้ที่งานค่อนข้างเผามาก ก่อนจะไปแก้ลงแผ่นบลูเรย์ในภายหลัง อีกทั้งอนิเมะยังมีความพยายามทำให้ได้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมังงะด้วย ไม่ว่าจะเป็นซีนสำคัญๆ แม้แต่ฉากแสดงหน้าตาตลกๆตามสไตล์มังงะ รวมถึงไดอาล็อคและบทพูดที่สำคัญก็แทบจะดึงเอามากจากมังงะมาใช้เกือบทั้งหมด

ข้อดีอีกอย่างของภาคนี้ก็คือ มันเป็นภาคที่มีความเป็น Coming of Age สูงกว่าภาคอื่น โดยเฉพาะการเติบโตด้านความคิดอ่านของเหล่าอัศวินเซเลอร์ และตัวของอุซางิน้อยซึ่งเป็นตัวเอกคนสำคัญอีกคนหนึ่งของภาคนี้ หรือถ้าจะบอกว่าเธอคือนางเอกตัวจริงของภาคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมันโฟกัสไปที่การเติบโตด้านความคิดอ่านของเธอโดยเฉพาะ

แต่ข้อด้อย ก็มีอยู่เหมือนกัน เพราะเปิดเรื่องมาจะไม่มีการ Recap เนื้อหาจากภาคก่อนเลย ดังนั้นคนที่ไม่เคยได้ดูเซเลอร์มูนมาก่อนรับรองว่าจะงงในความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครแน่นอน หรือแม้แต่คนที่ดูมานานแล้วลืม ก็อาจจะงงๆ สักหน่อย แต่ถ้าเป็นแฟนที่เคยอ่านมังงะต้นฉบับมาก่อน รับรองว่าถูกใจแน่นอน ในขณะที่แฟนๆจากอนิเมะยุค 90 ก็สามารถดูเพื่อรำลึกแบบ Nostalgia ได้เหมือนกัน

นอกจากนี้บทบรรยายไทยของเรื่องที่แปลชื่อตัวละครอุซางิและอุซางิน้อย ก็แปลแบบตรงตัวเกินไปนิด เช่นในบทบรรยายไทย ชื่อเล่นของอุซางิที่มาโมรุเรียกคือ อุสะ ก็แปลเป็นกระต่าย และ อุซางิน้อย หรือ จิบิอุสะ ก็มีการแปลตรงความหมายเลยว่า กระต่ายน้อย แล้วจะมีแบบนี้หลายรอบ ตอนดูอาจจะแปลกๆสักหน่อย

ข้อด้อยอีกอย่างคือฉากต่อสู้ที่อาจจะไม่สะใจคอแอ็กชั่น โดยเฉพาะคนที่ชินกับการดูอนิเมะแนวสาวน้อยแปลงร่างยุคใหม่ที่เน้นฉากแอ็กชั่นอลังการต่างๆ ซึ่งในอนิเมะทั้งสองพาร์ทนี้ก็มีความพยายามที่จะปรับให้ออกมาดูอลังการที่สุดแล้ว แต่เนื่องจากฉากแอ็กชั่นของเรื่องนี้ในต้นฉบับมังงะมีความเป็นนามธรรมและเป็นฉากต่อสู้ในสไตล์การ์ตูนโชโจ การตัดต่อฉากแอ็กชั่นในการต่อสู้กับบอสใหญ่ก็เลยมีข้อจำกัดอยู่บ้าง

แล้วยังมีคำเตือนเล็กน้อย เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่การ์ตูนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี  (หนังก็แปะไว้แล้วว่าเป็น 13+) มีฉากเซอร์วิสคนดูรุ่นหนวดประปราย และบางฉากที่ส่อไปทาง 18+ อีกทั้งบทพูดและไดอาล็อคแนวจริตของผู้หญิงวัยรุ่นที่ค่อนข้างโตกว่าวัย รวมถึงบทของอุซางิน้อยที่มีความแก่แดดในเรื่องความรักชายหญิงที่อาจจะดูแล้วรู้สึกว่าเกินกว่าวัยไปบ้าง แล้วนี่ยังเป็นภาคที่มีตัวละครแนว LGBT ออกมาด้วย ทั้งฝั่งของศัตรูเอง และฝั่งของอัศวินเซเลอร์เอง เช่นคู่ของ ฮารุกะ และมิจิรุ

อุซางิน้อย ได้เป็นตัวเอกร่วม

เดิมทีในฉบับมังงะของภาคนี้ ผู้เขียนอย่าง อ.นาโอโกะ ต้องการจะโฟกัสเรื่องราวไปที่การเติบโตของ อุซางิน้อย ให้มากขึ้น เรียกง่ายๆว่าภาคนี้มีการดันบทของเธอขึ้นมาเป็นนางเอกคู่กับอุซางิอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก หลังจากในภาคสอง ที่แม้ว่าเธอจะเป็นคีย์สำคัญของเรื่องราวและมีการเจาะปมความขัดแย้งที่เธอมีกับพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้มีบทร่วมสู้อย่างจริงจัง ส่วนในภาคสาม แม้ว่าเธอจะได้มีบทสร้างความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกับ โฮตารุ ที่เป็นร่างของเซเลอร์แซทเทิร์น แต่ในแง่บทร่วมต่อสู้และพัฒนาการด้านคาแรคเตอร์ก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก

จนกระทั่งในภาค 4 นี้เอง ที่อุซางิน้อยได้รับบทเป็นตัวเอกร่วมอย่างจริงจัง โดยหากย้อนไปดูในอนิเมะเวอร์ชั่นยุค 90 เคยมีบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับในสมัยนั้นว่าก็มีความคิดเห็นตรงกันกับอ.นาโอโกะพอดีที่ต้องการจะดันคาแรคเตอร์ของอุซางิน้อยบ้าง ทำให้ฉากแปลงร่างของอุซางิในภาคสี่ (หรือภาค Super S) จะเป็นการแปลงร่างร่วมกันระหว่างอุซางิและอุซางิน้อยเกือบทุกครั้งจนจบซีซัน รวมถึงฉากแปลงร่างของภาคนี้ จะมี Easter Egg จากเวอร์ชั่น 90 แฝงมาด้วย

ที่สำคัญคือ ภาคนี้อุซางิน้อยจะได้พบกับตัวละครที่น่าจะกลายเป็นว่าที่สามีของเธอในอนาคตอย่าง นักบวชเฮลีออส รวมถึงกลุ่มสี่สาวน้อยอเมซอนเนสที่กลายเป็นศัตรูในครึ่งหลังของภาคนี้ แท้จริงแล้วพวกเขาก็คือว่าที่อัศวินเซเลอร์ที่จะมาเป็นองครักษ์ในอนาคตของอูซางิน้อย (ซึ่งเรื่องนี้จะถูกเฉลยในภาคสุดท้าย)

Sailor moon Eternal Netflix รีวิว พริตตี้ การ์เดี้ยน เซเลอร์มูน อีเทอร์นัลพาร์ทแรก เจาะปมเรื่องความฝัน

สำหรับภาคนี้เรื่องราวหลักจะโฟกัสไปที่ประเด็นของ “ความฝัน” เนื่องจากกลุ่มศัตรูภาคนี้คือพวก “เดดมูน” จะเป็นพวกที่ทำการสูบความฝันของผู้คน แล้วความฝันของพวกอัซวินเซเลอร์ก็เป็นความฝันที่มีพลังที่เป็นเป้าหมายของเหล่าศัตรูในภาคนี้ด้วย

ถึงแม้ว่าดูผิวเผินแล้ว ภาคนี้จะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างเบาและซอฟท์ที่สุดในทุกภาค มีสาระที่ฟีลกู๊ดมากที่สุด ซึ่งแนวทางการเดินเรื่องในพาร์ทแรกของมูวี่เองก็มาในแนวนั้น คือจะเหมือนเป็นการเอาอนิเมะแบบรายตอนมารวมกัน ซึ่งในพาร์ทแรกก็จะไปเน้นที่การปูบทความสัมพันธ์ระหว่างสามคนพ่อแม่ลูก อุซางิ อุซางิน้อย และมาโมรุ รวมถึงการเริ่มต้นปู่ความสัมพันธ์ของอุซางิน้อยและเฮลีออส จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องความฝันของพวกอัศวินเซเลอร์ทั้งสี่คน ดังนั้นการต่อสู้ในภาพรวมก็เลยยังไม่ได้เข้มข้นมากนัก เพราะเป็นการปูทางมากกว่า อีกทั้งตัวเซเลอร์มูนที่แปลงร่างเป็นซุปเปอร์เซเลอร์มูนในต้นเรื่องเองก็มีพลังมหาศาลที่จะจัดการศัตรูได้หมดจดมากขึ้น

จุดที่ภาคนี้นำเสนอออกมามากกว่าภาคอื่นๆ ก็คือการโฟกัสที่ความฝันของเหล่านางเอกอัศวินเซเลอร์ ว่าทุกคนก็มีความฝันส่วนตัวที่อยากจะทำนอกเหนือจากเรื่องการต่อสู้ ซึ่งในพาร์ทแรกจะเป็นการเจาะไปที่ความฝันของแต่ละคนว่า หากไม่มีการต่อสู้อีกแล้ว พวกเขาอยากทำอะไร ทำให้การเดินเรื่องช่วงนี้อาจจะดูเนือยไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นการสำรวจกลุ่มตัวละครที่ทำได้ดีระดับหนึ่ง เพียงแต่คนที่คาดหวังว่าเปิดเรื่องมาจะต้องบู๊กันแหละ หรือเซเลอร์มูนจะได้โชว์พลังใหม่ๆ ก็อาจจะต้องรอไปก่อนในพาร์ทสอง

พาร์ทสอง รวมพลอัศวินเซเลอร์ทั้ง 10

จนกระทั่งในพาร์ทสองของมูวี่ เรื่องราวถึงได้เริ่มต้นของจริง เมื่อราชินีเนเฮลเนียได้เริ่มลงมือด้วยตนเอง รวมถึงการกลับมาของเหล่าอัศวินเซเลอร์รอบนอกทั้งสี่คนคือพวกของ ยูเรนัส เนปจูน พลูโต แซทเทิร์น ที่ได้แยกตัวไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่เพราะสถานการณ์ได้บีบให้พวกเขาต้องกลับมาร่วมต่อสู้ด้วยอีกครั้ง ทำให้นี่เป็นศึกใหญ่ครั้งแรกที่อัศวินเซเลอร์ทั้ง 10 คน จะได้ร่วมสู้ศึกพร้อมหน้ากัน

ในภาคนี้ยังมีการเฉลยจุดหักมุมสำคัญที่คาดไม่ถึงในการย้อนกลับไปยังปริศนาดำมืดในภาคแรกที่ถูกลืมหรือมองข้ามกันไปแล้ว ชนิดที่เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเลยก็ว่าได้

สปอยความลับที่โยงถึงภาคแรก

จุดที่มีการเฉลยเรื่องราวดำมืดจากภาคแรกออกมาอย่างคาดไม่ถึงนั่นก็คือ การเฉลยว่าที่จริงแล้วสาเหตุที่อาณาจักรดวงจันทร์ในอดีตได้ถูกทำลายลง ไม่ใช่เพราะเรื่องของโชคชะตา แต่เป็น “คำสาป” ที่ราชินีเนเฮลเนียได้สาปแช่งเอาไว้ หลังจากถูกราชินีเซเรนิตี้ขับไล่ (ตรงนี้เหมือน อ.นาโอโกะ เอาไอเดียของแม่มดที่สาปแช่งเจ้าหญิงนิทราในนิทานมาใช้) ก็เลยกลายเป็นว่าจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรมในอดีตชาติ มันเกิดขึ้นจากเนเฮลเนียที่เป็นบอสใหญ่ของภาคนี้นั่นเอง ดังนั้นในศึกภาคนี้จึงเป็นเสมือนการ “ปลดล็อก” ปมในอดีตชาติทั้งหมดของเหล่าอัศวินเซเลอร์ทั้ง 10 คน และตัวของมาโมรุด้วย

Sailor moon Eternal Netflix รีวิว พริตตี้ การ์เดี้ยน เซเลอร์มูน อีเทอร์นัล

สปอยล์ตอนจบและบางส่วนในภาคถัดไป

ในภาคอีเทอร์นัลนี้ยังถือว่าเป็นศึกสุดท้ายด้วยที่อัศวินเซเลอร์ทั้ง 10 คนจะได้ร่วมกันต่อสู้พร้อมหน้ากัน เพราะในภาคสุดท้ายที่จะมาถึง อัศวินทั้งหมดจะถูกจัดการจนหมด เหลือเพียงเซเลอร์มูนเท่านั้นที่จะต้องออกเดินทางไปต่อสู้นอกระบบสุริยะจักรวาล
แล้วในตอนท้ายเรื่องก็เป็นการนำไปสู่ “พิธีการขึ้นสู่บัลลังก์” ของเซเลอร์มูนและมาโมรุ ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่โลกในเรื่องจะกลายเป็นคริสตัลโตเกียวที่จะเกิดขึ้นในโลกอนาคตตามไทม์ไลน์ของเรื่อง แล้วยังถือว่าเป็นบทสรุปที่ Happy Ending ที่สุดภาคหนึ่งของเรื่องเซเลอร์มูนทั้งหมด
เพราะในภาค 5 ที่จะเป็นภาคสุดท้ายหลังจากนี้ การต่อสู้จะยกระดับไปเป็นศึกนอกจักรวาลและเรื่องราวที่จะดราม่ายิ่งขึ้นกว่าเดิม

บทสรุปตอนท้าย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภาคที่ทำออกมาได้ดีในเซเลอร์มูนทุกภาค ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวในภาคสุดท้าย ซึ่งก็คงจะมาในเร็วๆนี้ ส่วนในภาคนี้ แฟนเซเลอร์มูนทุกคนไม่ควรพลาด รับชมได้เลยใน Netflix

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://www.imdb.com/title/tt10635042/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!