รีวิว Space Force ss2 ซีซันสองของหน่วยอวกาศตลกร้ายหน้าตายที่งบโดนหั่น มุกแป้กเพียบ
Space Force ss2
สรุป
ซีรีส์ตลกร้ายหน้าตาย มุกแป้กแนวจิกกัดเสียดสีสังคมเพียบ อัพเดทตามโลก มีบทซึ้งและให้ข้ดคิดดีอยู่บ้าง นักแสดงนำดีสมราคา แต่เรื่องค่อนข้างจืดและเป็นงานที่ดูก็รู้ว่าโดนลดงบจากซีซันแรก
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- นักแสดงนำเล่นได้ดี
- หลายมุกตลกร้ายอัพเดทตามโลก
- ให้ข้อคิดซึ้งๆแต่ละตอนได้ดีเกินคาดมาก
Cons
- มุกตลกร้ายมีเยอะก็จริงแต่แป็กเยอะเหมือนกัน
- งบประมาณในการสร้างดูลดไปเยอะ
- ตัวละครเก่าบทหายไปหลายคน
- บุคลิกตัวละครดูติงต๊องขึ้น อีกนิดเดียวจะเป็นซิทคอมอยู่แล้ว
Space Force ss2 Netflix รีวิว ซีรีส์ตลกร้าย สเปซฟอร์ซ การกลับมาของหน่วยงานอวกาศสุดฮา ที่นำทัพนักแสดงดังมากฝีมืออย่าง สตีฟ แคเรล และ จอห์น มัลโควิช ที่กลับมารับบทสองคู่หูนายพลและนักวิทย์อัจฉริยะสุดฮา (แบบไม่ตั้งใจฮา) ในการรับภารกิจแข่งขันด้านการสำรวจอวกาศกับชาติคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าหน่วยงานนี้มีประโยชน์ เพื่อไม่ให้ถูกยุบทิ้ง ภายใต้งบประมาณที่ถูกจำกัดลง
ซีซันสองมีทั้งหมด 7 ตอนจบ รับชมได้เลยใน Netflix
ตัวอย่าง
เรื่องย่อ
เรื่องราวของหน่วย Space Operation ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำสงครามอวกาศในการแย่งชิงทรัพยากรและพื้นที่บนดวงจันทร์กับคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีนซึ่งกำลังตีตื้นด้านอวกาศขึ้นมาใกล้เคียงสหรัฐอเมริกา ทำให้นายพลผู้ซื่อตรงและมีความสามารถในการเป็นผู้นำที่ดีอย่าง มาร์ก แนร์ด (รับบทโดย สตีฟ คาเรลล์) ได้มารับหน้าที่ในแบบไม่ได้เต็มใจแต่แรก อีกทั้งเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ครอบครัวมีปัญหาแตกแยกหลังจากภรรยาถูกตัดสินใจจำคุก (ด้วยข้อหาที่ไม่เปิดเผยยันจบเรื่อง) ส่วนลูกสาวที่รักก็กำลังอยูในช่วงวัยรุ่นและกำลังเริ่มมองหาเส้นทางของตนเอง ในขณะเดียวกันนายพลแนร์ดก็ยังมีสหายคู่หู่เป็นนักวิทยาศาสตร์เกย์สติเฟื่องอย่าง ดร. เอเดรียน มัลลอรี่ (รับบทโดย จอห์น มัลโควิช) ซึ่งทั้งสองคนต้องร่วมมือกันหาทางพาทีมอวกาศของสหรัฐเอาชนะคู่แข่งให้ได้
ในซีซันสอง จะเป็นเรื่องราวหลังจากที่เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในหน่วยอวกาศ ซึ่งนายพลแนร์ดก็ต้องหาทางวางแผนที่จะช่วงชิงอำนจและตำแหน่งกลับมา พร้อมกับทีมงานชุดเดิมที่เข้าขากันสุดๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความเพี้ยนสุดขั้วเช่นกัน
Space Force ss2 รีวิว
เรื่องแนวตลกร้าย ปนมุกตลกในแบบหน้าตาย ที่อัพเดทหลายมุกตามเทรนด์โลก หลายฉากนี่แค่เห็นตัวละครทำหน้าตาย เซ็งๆใส่กล้องก็แอบฮาแล้ว โดยเฉพาะสองตัวนำที่ได้ดาราขายฝีมืออย่าง สตีฟ คาเรลล์ และ จอห์น มัลโควิช มาร่วมแสดง ซึ่งทั้งสองคนสามารถทำได้ดีอย่างมากตั้งแต่ซีซันแรก เรียกว่าเคมีการแสดงเข้าคู่กันของทั้งสองคนคือตัวแบกซีรีส์เรื่องนี้ในซีซันแรกเอาไว้ได้เลย (ฉากที่ฮาสุดก็ซีซันแรกต้องยกให้ตอนที่ 4 ที่คนในฐานได้ดูคลิปร้องเพลงของมัลโควิช และยังเป็นฉากที่คาเรลล์เล่นหน้าตายได้ฮามาก)
เพราะส่วนประกอบที่เหลือค่อนข้างจะฝืดและไม่สนุกเท่าไหร่ สำหรับคนดูที่ไม่คุ้นชินกับเรื่องแนวตลกร้ายหน้านิ่งที่เต็มไปด้วยมุกแป้กในสไตล์อเมริกัน
ดังนั้นแน่นอนว่าในแง่ของนักแสดงหลักจึงไม่มีปัญหาอะไร ในขณะที่เหล่าดาราตัวรองก็ไม่ได้เล่นแย่ แต่ละคนทำได้ในระดับมาตรฐานตามบทและคาแรคเตอร์ของตัวละคร เพียงแต่ที่น่าเสียดายมากๆ ก็คือ อุตส่าห์ได้นักแสดงตลกหญิงระดับตำนานอย่าง Lisa Kudrow ที่แฟนซีรีส์ซิทคอมทั่วโลกรู้จักกันดีจากบท ฟีบี้ ในเรื่อง Friends ได้มารับเล่นในบท แม็กกี้ ภรรยาของตัวเอกในเรื่องนี้ทั้งที แต่กลับใช้งานเธอไม่คุ้มเท่าไรนัก เข้าใจว่าเพราะต้องการเซฟงบประมาณ ซึ่งในซีซันแรกยังพอจะได้มีบทออกมาบ้าง (และออกมาเมื่อไหร่ก็ฮาเมื่อนั้น แค่เห็นหน้าหรือได้ฟังบทพูดเพี้ยนๆ ของเธอก็ฮาแล้ว) แต่ในซีซันสองด้วยความที่อาจเพราะเซฟงบประมาณ เพราะค่าตัวของเธอก็น่าจะไม่น้อย ตรงนี้เลยพอเข้าใจได้บ้าง แต่ก็ยังน่าเสียดายอยู่ดี
ด้านจุดด้อยของเรื่องที่ยังเป็นมาจากซีซันแรกก็คือมุกตลกแป้กๆ เต็มเรื่องที่ขยันยิงถี่มาก มีทั้งจิกกัดเสียดสีในประเด็นต่างๆ ในสังคมอเมริกันและของชาติอื่น แล้วในซีซันสองนี้ยังมีความพยายามในการแซะจีนแรงขึ้นมาก (โดยเฉพาะตอนที่ 3) ซึ่งถ้าใครตามข่าวสารของจีนก็จะเก็ตแต่ละมุกที่เขาตั้งใจแซะกัดจีน แต่ในมุมหนึ่งก็เหมือนแอบทำการตลาดเชียร์สินค้าจีนอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะสุราเหมาไถที่ขึ้นชื่อของจีน ซึ่งหากใครดูตอนนี้แล้วคงอยากไปลองหามาดื่มสักขวดแน่
ในซีซันนี้ยังมีข้อด้อยอย่างหนึ่งคือการที่โปรดักชั่นเหมือนถูกลดงบประมาณลง ซึ่งจะเห็นว่าจำนวนตอนน้อยลง และความยาวแต่ละตอนก็ลดลงด้วย ในซีรีส์ก็เอาประเด็นนี้ขึ้นมาจิกกัดตนเอง โดยพูดถึงเรื่องที่หน่วยงานถูกลดงบประมาณตั้งแต่ตอนแรก แล้วจะเห็นว่าหลังจากนั้นทั้งเรื่องของซีรีส์นี้มีฉากประกอบที่ด้อยลงจากซีซันแรกแบบเห็นได้ชัด แต่ในมุมหนึ่งก็ต้องขอชมทีมงานที่พยายามดันเรื่องราวให้ออกมาภายใต้งบประมาณที่ลดลงทั้งด้านฉากและทีมนักแสดง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเลยว่านักแสดงที่เด่นและมีบทพูดในซีซันสองลดลงเยอะ แต่ตรงนี้อาจเป็นจุดดีอยู่บ้างเพราะทำให้เรื่องมันโฟกัสเนื้อที่เรื่องราวหลัก ไม่ต้องไปหาทางยืดแอร์ไทม์อื่นที่ไม่จำเป็น (จนบางทีก็ไวเกินไป) แล้วอีกจุดที่ทำได้ดีก็คือการใส่แง่คิดเล็กๆ ที่ใส่ไว้ประจำตอน ซึ่งในบางตอนทำได้ดีเกินคาดด้วยซ้ำ
ในภาพรวมแล้วเป็นซีรีส์ตลกร้าย มุกแป้กจิกกัดเพียบ แต่เรื่องค่อนข้างเรื่อยๆ เดินเรื่องต่อมาได้เพราะนักแสดงหลักด้วยซ้ำ ในขณะที่ตัวเรื่องและบทธรรมดามาก ถ้าใครยังไม่เคยดูเลยผ่านไปก็ได้ครับ แต่ถ้าใครอยากดูอะไรที่เป็นตลกร้ายหน้าตายแป้กๆ กับนักแสดงก็เข้ามาดูได้ แม้ว่าเรื่องจะจบไปแบบปลายเปิดไว้ แต่คิดว่าคงไม่ได้สร้างต่ออีกแล้ว
Space Force ss2 ดีและสนุกไหม
เป็นแนวตลกร้ายกลางๆ เด่นที่นักแสดงหลัก มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้จำกัดจำเขี่ยเท่าที่จะทำได้ อาจจะไม่ได้สนุกมากนัก และมุกตลกเข้าใจยากสำหรับคนดูทั่วไป แต่สำหรับคนที่ดูซีซันแรกมาแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดูเพลินๆต่อได้ครับ
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference
https://en.wikipedia.org/wiki/Space_Force_(TV_series)