สปอย Attack on Titan 133 เหล่าคนบาป อิสระของเอเรน และอิสระของทุกคน
Attack on Titan 133 สปอย เหล่าคนบาป ทางเลือกแห่งอิสรภาพของเอเรนและของแต่ละคน เมื่อทุกคนมีอิสระที่จะเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เมื่อทุกคนต้องการหยุดยั้งเอเรน แต่เอเรนเลือกที่จะเดินหน้าทำลายล้างโลกต่อไป
Attack on Titan 133 สปอย
หลังจากเรื่องราวในตอนก่อนหน้านี้ ด้วยการเสียสละของฮันจิ ที่ได้ส่งต่อเจตจำนงของหน่วยสำรวจต่อมาให้กับพวกของมิคาสะและอาร์มิน รวมถึงการประกาศแต่งตั้งอาร์มินเป็นผู้บัญชาการหน่วยสำรวจคนใหม่
หลังจากนั้นทุกคนก็เลือกที่จะเดินทางไปหยุดยั้งเอเรนต่อ ในตอนนี้แม้ว่าพวกมิคาสะจะเศร้าเสียใจแค่ไหน แต่ทุกคนก็จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป
ในขณะที่เอเรนและกองทัพไททันก็ยังคงเดินหน้ายาตราเหยียบย่ำผืนพิภพต่อโดยที่ไม่มีวี่แววว่าจะมีอะไรสามารถหยุดยั้งเขาได้ กับการเปิดเผยความคิดของเอเรนที่แสดงว่าความจริงแล้วเขาก็เศร้าเสียใจกับทางเลือกนี้เช่นกัน
สำหรับสปอยตอนก่อนหน้า อ่านได้ที่
Attack on Titan 133 สปอย แปล
หลังจากกลุ่มของมิคาสะ อาร์มิน ลีไว และคนอื่นๆต่างก็นั่งเรือเหาะเพื่อเดินทางไปหาเอเรน ด้านกลุ่มของแอนนี่และพวกกาบิกับฟัลโกก็นั่งเรือแยกออกไป
พวกมิคาสะต่างก็เศร้าเสียใจกับการเสียสละของฮันจิ แต่ทั้งหมดก็ต้องเดินหน้าต่อ
ด้านอาร์มินก็มาวิเคราะห์ถึงรูปร่างไททันของเอเรนที่พวกเขาเห็นในนิมิต และก็ได้แต่ปวดหัวว่าจะไปตามหาเอเรนยังไงดี เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เอเรนนำทัพไททันไปถึงไหนบนแผ่นดินใหญ่บ้างแล้ว
ฝ่ายมิคาสะ ไรเนอร์ และคนอื่นๆต่างก็เริ่มนั่งถกกันถึงเจตนาและกระทำของเอเรนในครั้งนี้ คอนนี่และแจนต่างก็ยอมรับกับไรเนอร์ตามตรงว่า พวกเขาเองก็ไม่แตกต่างจากไรเนอร์เท่าไหร่นัก พวกเขาถึงกับต้องฆ่าเพื่อนในหน่วยเพื่อจะขึ้นเรือเหาะลำนี้มา
แจนเปิดปากยอมรับกับไรนอร์ว่า
“พวกเราต่างก็เหมือนกัน ฉันไม่สามารถตำหนิหรือด่าทอนายที่ฆ่าคนอื่นได้อีกแล้ว เพราะฉันเองก็ทำเหมือนกัน”
ไรเนอร์จึงตอบกลับว่า
“คืนที่เกิดเรื่อง ฉันได้พบกับเอเรน ตอนนั้นฉันคิดว่า ฉันเข้าใจเอเรนแล้วละนะ”
“บางที เอเรน ต้องการให้พวกเราหยุดเขาหรือเปล่านะ”
มิคาสะ: “นายหมายความว่ายังไง”
อาร์มินก็เริ่มตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำของเอเรนมีจุดแปลกๆ “เอเรนสามารถใช้พลังต่อชาวเอลเดียนและพวกไททันทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเรากลับยังสามารถใช้พลังไททันได้ด้วยเจตจำนงของพวกเราเองอยู่”
“เขาทิ้งพวกเราไว้ ราวกับว่า เขากำลังต้องการทดสอบอะไรบางอย่างกับพวกเรา”
ไรเนอร์: “ตอนนี้เขาอาจจะอยากให้ใครสักคน หยุดยั้งเขาก็เป็นได้”
มิคาสะอึ้งไปเล็กน้อย แล้วตอนนั้นเองที่ชาวเอลเดียทุกคนบนเรือเหาะถูกจิตของเอเรนดึงจิตของพวกเขาให้เข้าสู่การเชื่อมโยงทางจิตร่วมกันทั้งหมด ลีไวคิดว่า แบบนี้หมอนั่นคงกำลังฟังอยู่สินะ
อาร์มินจึงได้แต่ตะโกนบอกเอเรนว่า “เอเรน ได้โปรดฟังที พอแค่นี้เถอะนะ แค่นี้ก็จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเกาะสวรรค์ไปอีกหลายร้อยปีแล้ว นายได้แสดงให้ทั้งโลกเห็นถึงการทำลายล้างมากพอแล้ว พวกเราสามารถทำสัญญาสงบศึกกันได้ จะไม่มีใครต้องตายอีก เกาะปลอดภัยแล้ว”
“พวกเราผิดเอง ที่ทำให้เอเรนต้องกลายเป็นแบบนี้!!!”
แจน: “เอเรนโว้ย ฝากที่เหลือให้พวกเราจัดการเถอะ อย่าฆ่าผู้คนเพื่อพวกเราไปมากกว่านี้อีกเลยนะ”
คอนนี่ “เอเรน ตอนที่ชาช่าตาย ฉันแค้นนายมาก แต่นายเองก็โศกเศร้าเหมือนกันใช่ไหม ฉันกลับเอาแต่คิดถึงตัวเองเท่านั้น”
มิคาสะ “…เอเรน…ฉันอยากแบ่งเบาภาระของเธอ ฉันจะร่วมยอมรับความผิดบาปนี้ไปด้วยกันกับเธอ ดังนั้น ได้โปรดอย่าเพิกเฉยพวกเราอีกเลยนะ”
“ได้โปรด กลับมาหาพวกเราเถอะนะ…”
ลีไว: “เฮ้ย เอเรน ฉันจะเตะก้นแก ถ้าแกไม่หยุดเรื่องพวกนี้ซะ…เฮ้ย พูดอะไรสักอย่างสิ”
แล้วทันใดนั้น เสียงของเอเรนก็ดังขึ้น ตอบกลับว่า
“ฉันไม่สามารถหยุดยั้งการทำลายล้างนี้ได้ เพราะฉันไม่อาจเสี่ยงกับอนาคตของเกาะได้ ดังนั้นฉันจึงต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น”
ทุกคนได้ยินเสียงของเอเรนก็ตกใจมาก แล้วลีไวก็ชี้ไปยังเบื้องหน้าที่ปรากฏร่างของเอเรนในวัยเด็กออกมา ทุกคนจึงรีบวิ่งไปหาเอเรน
“เอเรน!!”
“นายหมายความว่ายังไง นายไม่เชื่อใจพวกเรารึไง”
อาร์มิน: “ทำไมนายถึงยอมให้พวกเรายังใช้พลังไททันอยู่ได้ บอกฉันสิ พวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอดนะ ฉันไม่อยากให้พวกเราแยกจากกันแบบนี้ เอเรน!!”
เอเรน: “ฉันช่วงชิงอิสรภาพของโลกนี้ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของฉัน”
“แต่ฉันจะไม่ช่วงชิงอิสรภาพของพวกนาย พวกนายมีอิสระ”
“อิสรภาพของพวกนายคือ การช่วยโลก”
“อิสรภาพของฉันคือ การเดินหน้าต่อไป”
“ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่อาจลงรอยกันได้”
“มันมีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น”
“นั่นคือการ…สู้”
อาร์มินได้แต่ตะลึงว่า “งั้นทำไม นายถึงดึงพวกเรามาที่นี่”
เอเรนตอบกลับ “เพราะฉันจะบอกว่า ไม่จำเป็นที่พวกเราต้องคุยกันอีกแล้ว”
“ทางเดียวที่พวกนายจะหยุดฉันได้ คือต้องจบชีวิตฉันลงเท่านั้น”
“เพราะพวกนายมี…อิสระ…ที่จะทำแบบนั้น”
แล้วทุกคนก็ถูกดึงกลับมาในสภาวะปกติ ลีไวคิดว่า ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกแล้ว เขาก็หันไปถามอาร์มินว่า “แล้วทีนี้จะยังไงต่อ หัวหน้า…” (เพราะอาร์มินถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้าหน่วยสำรวจแทนที่ฮันจิแล้ว)
ทางฝ่ายแอนนี่ที่แยกขึ้นเรือไปอีกลำ พร้อมกับทางรัฐมนตรีของฮิสึรุ และพวกกาบิและฟัลโก้ แอนนี่ได้แต่เศร้าใจที่ไม่อาจทำอะไรได้ แต่แล้วฟัลโก้และกาบิก็มาบอกว่า เขาฝันถึงอะไรบางอย่าง แล้วยังมองเห็นความทรงจำของซีคด้วย นอกจากนี้กาบิยังมีภาพความทรงจำของการบินอยู่บนท้องฟ้าเหนือก้อนเมฆ นั่นแปลว่า ไททันสัตว์ป่าอาจจะมีพลังในการใช้ปีกเพื่อบินบนท้องฟ้าได้ แต่แอนนี่ก็รีบแย้งว่า ขืนแปลงร่างเป็นไททันตรงนี้เรือได้จมแน่ พวกเราจะตายกันหมด ที่สำคัญคือทุกอย่างมันสายไปแล้ว แตรัฐมนตรีของฮิสึรุก็บอกว่า ถ้าเรือจะจมก็ช่างมัน เธอไม่อยากเสียใจภายหลังที่ไม่ยอมทำอะไรกับเรื่องนี้
จากนั้นภาพก็ตัดมาที่พ่อของแอนนี่ที่สามารถจับทหารมาเลย์เป็นตัวประกันแล้วให้ขับรถไฟพาชาวเอลเดียนเดินทางลี้ภัยมาได้ทันก่อนที่เขตของพวกเขาจะโดนกองทัพไททันบุกถล่ม
แล้วตอนนั้นเองที่พวกชาวเอลเดียนบนรถไฟเห็นกองเรือเหาะทิ้งระเบิดจะบุกโจมตีกองทัพไททันจากบนท้องฟ้า ซึ่งนี่อาจจะเป็นการดิ้นรนโจมตีเฉือกสุดท้ายของพวกมนุษย์บนแผ่นดินใหญ่ก็ได้
Attack on Titan 133 อธิบาย
เป็นอันว่า หลังจากตอนนี้น่าจะเป็นการเจรจาครั้งสุดท้ายระหว่างเอเรนกับพวกมิคาสะแล้ว แถมยังแสดงให้เห็นว่า เอเรนเตรียมใจมาขนาดไหน ในขณะที่พวกมิคาสะ อาร์มิน ก็เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกเอเรนกันมากขึ้น เช่นเดียวกับสิงที่ไรเนอร์เคยทำไว้ แต่พวกเขาก็ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้อีกอยู่ดี
บทสนทนาระหว่างเอเรนและพวกมิคาสะ กับอาร์มินในตอนนี้ ยิ่งตอกย้ำเรื่อง “อิสระ” ที่เอเรนชอบพูดอยู่เสมอ ว่าทุกคนควรมีสิทธิที่จะเลือกเส้นทางของตนเอง แต่ถ้ามันไม่อาจลงรอยกันได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ต้องต่อสู้กันเท่านั้น
ส่วนที่น่าสนใจของตอนนี้คือ พวกกาบิและฟัลโก้ อาจจะกลายเป็นอีกตัวแปรของการตอบโต้ในครั้งนี้ก็ได้ รวมถึงการที่กาบิเห็นความทรงจำของไททัน ที่อาจจะบินได้ ซึ่งนี่ก็อาจจะกลายเป็นไพ่ใบสำคัญที่จะทำให้ไททันทั้งหมดที่เหลืออยู่ รวมถึงตัวแอนนี่ด้วย ได้กลับไปเปิดศึกหยุดยั้งเอเรนเช่นกัน
สปอยตอนอื่น ดูได้ที่ https://www.playinone.com/zhaoyun/attack-on-titan-spoil-124/
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website