รีวิว ตำนานราชาวานร SS1-2 Netflix ไซอิ๋วฉบับออสเตรเลีย ดัดแปลงให้ย่อยง่าย หนังครอบครัว
ตำนานราชาวานร ss1-2
-
ซีซัน 1 - 6.5/10
6.5/10
-
ซีซัน 2 - 7.5/10
7.5/10
สรุป
ไซอิ่วฉบับ Netflix ของออสเตรเลีย สามารถดูได้เพลินๆทั้งครอบครัว ดัดแปลงตีความใหม่ CG กราฟฟิกพอใช้ คนดูรุ่นเก่าอย่าคาดหวังอะไรมาก ซีซันสองดูเพลินขึ้นกว่าซีซันแรก และน่าจะไปต่อได้อีก
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- นักแสดงเล่นได้ดีเกินคาด
- หยิบต้นฉบับมาดัดแปลงใหม่แบบหนังแฟนตาซีเน้นดูง่ายได้ดี
- ดราม่าตัวละคร ร่วมสมัย ปมน่าสนใจ
- CG ระดับกลาง แต่ครีเอทดี
- ซีซันสองดูสนุกและเพลินกว่าซีซันแรก
Cons
- เป็นแฟนตาซีสูตรสำเร็จ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มาก
- โปรดักชั่นระดับกลาง จนถึงทุนต่ำในบางฉาก
- ฉากแอ็กชั่นดูธรรมดามาก
- ซีซันแรกช่วงกลางเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ
ตำนานราชาวานร Netflix รีวิว ไซอิ๋ว ฉบับออสเตรเลีย The New Legends Of Monkey ดัดแปลงใหม่เน้นแฟนตาซี ดูได้ทั้งครอบครัว ซุนหงอคง แสดงโดย ชัย แฮนเซ่น นักแสดงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย
เป็นเวอร์ชั่นที่เน้นดูสนุก ย่อยง่าย แต่คนที่ชอบไซอิ๋ว และดูของจีนมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว อย่าคาดหวังอะไรมาก เพราะเป็นแนวสูตรสำเร็จ ไม่ได้มีอะไรฉีกแนวแปลกใหม่มากนัก
ตำนานราชาวานร The New Legends Of Monkey ss1 Netflix ตัวอย่าง
ต้นฉบับไซอิ๋ว
ไซอิ๋ว เป็นวรรณกรรมจีนคลาสสิกที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ในเรื่องต้นฉบับนั้นดัดแปลงมาจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ในสมัยราชวงศ์ถัง ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ ซึ่งเป็นยุคที่พุทธศาสนากำลังเริ่มเฟื่องฟูในจีน เวลานั้นมีพระภิกษุสงฆ์หนุ่มรูปหนึ่งคือ “พระเสวียนจ้าง” ซึ่งท่านได้พบว่าในวงการพุทธศาสนาของจีนกำลังมีปัญหาตีความเรื่องคำสอนที่แตกต่างกันจนเกิดแตกแยกเป็นนิกายย่อยต่างๆ ดังนั้นพระเสวียนจ้างจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังอินเดีย เพื่อศึกษาและแปลคำสอนจากพระไตรปิฏกฉบับจริง แล้วอัญเชิญมาที่เมืองจีน
เพียงแต่การเดินทางมีอุปสรรคมาก เพราะสมัยนั้นเป็นช่วงที่สงครามรวมแผ่นดินเพิ่งยุติ ถังไท่จงมีคำสั่งห้ามพลเมืองจีนออกเดินทางไปต่างเมือง พระเสวียนจ้างจึงต้องลักลอบเดินทางออกจากเมืองฉางอันไปทางตะวันตก ข้ามทะเลทรายโกบี ผ่านเมืองต่างๆ ใช้เวลาเดินทางทั้งไปและกลับร่วมนับสิบปี ฝ่าฟันอันตรายจากโจรร้าย สัตว์ป่า ภูมิประเทศที่ยากลำบากมากมาย เมื่อเดินทางกลับมาแล้ว ก็นำพระไตรปิฏกขึ้นถวาย ถังไท่จงทรงยินดีมาก จึงแต่งตั้งเป็นพระถังเสวียนจ้าง หรือ พระถังซำจั๋ง ที่คนไทยรู้จักกัน แล้วพระถังก็คัดลอกและแปลพระไตรปิฏกมาเป็นภาษาจีนออกเผยแผ่ ส่งผลทำให้พุทธศาสนารุ่งเรืองในจีนมากตั้งแต่นั้น แล้วพระถังก็เขียนบันทึกการเดินทางของตนไว้ ในชื่อ “บันทึกสู่ตะวันตก” (Journey to the West)
จากเรื่องราวที่ว่านี้ ภายหลังมีนักเขียนคือ อู่เฉิงเอิน ได้ดัดแปลงการเดินทางของพระถังให้กลายเป็นวรรณกรรมที่สนุกสนาน เสริมเติมจินตานาการ เพิ่มความแฟนตาซีเข้าไป และเป็นวรรณกรรมที่มุ่งเชิดชูพุทธศาสนาให้เหนือลัทธิเต๋า แล้วสร้างตัวละครผู้ติดตามอย่าง ซุนหงอคง ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง ซึ่งเชื่อกันว่ามาจากกิเลสในตัวพระถังแต่ละด้าน เปรียบเสมือนกิเลสที่พระถังต้องหาทางเอาชนะให้ได้ในระหว่างเดินทาง เช่น
ซุนหงอคง – โทสะ
ตือโป๊ยก่าย – โลภะ
ซัวเจ๋ง – โมหะ
ซึ่งการเดินทางของศิษย์อาจารย์กลุ่มนี้ ก็ต้องมีการต่อสู้ปราบปีศาจ ผจญเรื่องราวต่างๆที่ทำให้คนอ่านทั่วไปชื่นชอบ แต่ในเรื่องราวของการปราบปีศาจนั้นที่จริงแล้วแฝงปริศนาธรรมต่างๆแทรกไว้ตลอดเรื่อง
ตำนานราชาวานร ss1 Netflix รีวิว
ส่วนไซอิ๋วเวอร์ชั่นของ Netflix เป็นงานสร้างจากทางออสเตรเลีย ในชื่อว่า The New Legends Of Monkey หรือในชื่อภาษาไทยคือ ตำนานราชาวานร ซึ่งก็ดัดแปลงเรื่องราวของ ซุนหงอคง และพระถังซำจั๋ง ออกมาในรูปแบบใหม่ที่ย่อยง่าย เน้นกลุ่มคนดูเด็กและวัยรุ่น ดังนั้นก่อนอื่นมีคำแนะนำว่า คนที่จะดูไซอิ๋วฉับบออสเตรเลียของ Netflix เวอร์ชั่นนี้ ให้ลบภาพของไซอิ๋วเวอร์ชั่นก่อนหน้าออกไปให้หมด เพราะแทบไม่มีอะไรเหมือนกับต้นฉบับเลย นอกจากการยืมชื่อตัวละคร และยืมอะไรบางอย่างจากต้นฉบับมาแปลงใหม่
โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึง โลกในยุคมืดที่เหล่าปีศาจเข้าครอบครองโลกทั้งหมด ส่วนบรรดาเทพเจ้าที่เคยดูแลพิทักษ์โลกกลับถูกทำลายล้างไป เทพที่เหลืออยู่ก็ต้องใช้ชีวิตหลบซ่อนตัว ในขณะที่ ซุนหงอคง หนึ่งในนักรบเทพเจ้าที่มีพลังแกร่งกล้ากลับถูกผนึกไว้ในก้อนหินเป็นเวลา 500 ปี และมีคำทำนายว่า สักวันจะมี “พระถังซำจั๋ง” มาปลดปล่อยเขาออก แล้วเดินทางรวบรวมพระคัมภีร์ที่สูญหายและแยกเป็นส่วนๆไว้ให้กลับคืนมา นำโลกกลับสู่แสงสว่างอีกครั้ง
ตรงนี้เองที่ซีรีส์ดัดแปลงไปมากที่สุด นั่นคือการเปลี่ยนพระถังซำจั๋งเป็นผู้หญิง (แม้ว่าทางญี่ปุ่นจะดัดแปลงเป็นผู้หญิงมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว) ได้นักแสดงสาวชาวนิวซีแลนด์เชื้อสายตองกาอย่าง ลูเซียน บูคานัน มารับบทนี้ และทำได้ดีเอามากๆด้วย เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดของซีรีส์เลยก็ว่าได้ อีกทั้งบุคลิกและหน้าตาของเธอเมื่อโกนศีรษะเป็นผมทรงสกินเฮด แต่ความสวยน่าดูก็ไม่ได้ลดลงเลย ขณะเดียวกันก็ดูมีด้านที่เข้มแข็งห้าวหาญ สมกับบทของพระถังที่ต้องเดินทางเผชิญหน้ากับเปล่าปีศาจด้วย รับรองว่าเธอสามารถดึงสายตาคนดูไว้ได้ตลอดเรื่องแน่นอน
ด้านนักแสดงที่รับบทซุนหงอคง ได้นักแสดงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียอย่าง ชัย แฮนเซ่น หรือ ชัย ร่มย์รื่น นักแสดงลูกครึ่งที่เกิดในเกาะสมุยแล้วย้ายไปอยู่ออสเตรเลีย ซึ่งคนไทยอาจมีผ่านสายตากับผลงานของเขามาบ้าง โดยผลงานเด่นๆคือการแสดงเป็นตัวเอกในซีรีส์เรื่อง Mako Mermaids และร่วมแสดงในซีรีส์ The 100
นอกจากจุดเด่นเรื่องนักแสดง ที่บทตัวละครอื่นๆก็ได้นักแสดงที่เข้ากับบทไม่น้อยมารับเล่น ก็ยังมีด้านโทนเรื่อง เพลงประกอบ ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ CG กราฟฟิกอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้เด่นแต่ก็ไม่ได้แย่ ส่วนบทแอ็กชั่นสไตล์แฟนตาซีที่เป็นจุดขายหลักของไซอิ๋วทุกฉบับ เวอร์ชั่นนี้ก็ทำออกมาได้ระดับกลางๆ พอดูได้
จุดเด่นอีกด้านคือ ความดราม่าและปมของตัวละคร ที่เข้าใจเอามาใส่และขยายในเรื่อง โดยเฉพาะปมของพระถังซำจั๋ง และซุนหงอคง ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเนื้อหาหลัก ส่วนปมของตือโป๊ยก่ายและซัวเจ๋งก็ทำได้ดีไม่น้อย
แต่จุดด้อยหลักคือ การเดินเรื่องและไดอาล็อคที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากมาย เป็นแนวแฟนตาซีสูตรสำเร็จ บรรดาตัวร้ายในเรื่องเปิดตัวมาแบบร้ายกาจ แต่บทจะแพ้ก็ง่ายๆ ไม่ได้พลิกล็อคอะไรมาก แถมบทต่อสู้ช่วงท้ายก็ทำออกมาเล่นง่ายมาก
อีกทั้งในด้านฉากส่วนใหญ่ของเรื่องเราจะพบว่าการเดินทางแค่วนเวียนอยู่แค่ในเมืองหลัก ป่า และหนองน้ำที่วนๆอยู่เท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วการเดินทางก็แค่วกกลับมาสู่เมืองแรก ไม่ได้ขยับไปไหนมา เพียงแต่ตรงนี้พอเข้าใจได้ในแง่ของงบประมาณและลักษณะของตัวเรื่องที่ไม่ได้เซตติ้งฉากหลักไว้มากกว่านั้น
คาดหวังว่า ซีซันสอง เรื่องน่าจะ “เดินหน้า” ในแง่การเดินทางตามหาพระคัมภีร์ และน่าจะได้มีการหยิบตัวละครในต้นฉบับไซอิ๋วตัวอื่นๆมาใส่ไว้ในเรื่องอีก
สรุปแล้ว เป็นไซอิ่วฉบับ Netflix ของออสเตรเลียที่สามารถดูได้เพลินๆทั้งครอบครัว เหมาะให้เด็กที่เริ่มต้นดูไซอิ่วลองดูฉบับนี้ก็ยังได้ครับ แต่คนดูรุ่นเก่าก็อย่าคาดหวังอะไรเยอะครับ ส่วนซีซัน 2 จะเข้าฉายในวันศุกร์นี้
ตำนานราชาวานร ss2 Netflix รีวิว
เรื่องราวต่อเนื่องจากซีซันแรก หลังจากพระถังซำจั๋งและคณะเอาชนะจอมปีศาจดาวารี และได้คัมภีร์อมตะมาครองแล้ว พวกเขาก็ปลดปล่อยเหล่าเทพที่ยังเหลืออยู่ออกไปโดยมีพวกปีศาจออกตามล่า ซุนหงอคงก็บอกให้พวกเขาแพร่กระจายเรื่องชัยชนะและภารกิจตามหาคัมภีร์ของตนออกไปทั่ว
จากนั้น พระถังซำจั๋ง ซุนหงอคง ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง ก็ออกเดินทางตามหาคัมภีร์เล่มอื่นต่อ โดยในซีซันสอง เรื่องราวโฟกัสที่การตามหาคัมภีร์ความรู้และคัมภีร์สร้างสรรค์ และการเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจที่นำโดยบรรดาปีศาจระดับหัวหน้าทั้งหมด 6 ตนที่มีพลังแตกต่างกันไป แล้วยังมีการเกริ่นถึงเรื่องของราชินีปีศาจฮากูรู ที่เคยถูกซุนหงอคงปราบไปเมื่อ 500 ปีก่อน ทำให้พวกปีศาจจากยุคนั้นมีความเกรงกลัวซุนหงอคง แต่บางตัวก็แค้นและหาทางเล่นงานซุนหงอคงให้ได้
สำหรับแนวทางในซีซันสองจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางของจริง ทำให้มีการขยายสเกลเรื่องและการบอกเล่าในมุมอื่นที่เพิ่มมิติตัวละครเพิ่มขึ้น คล้ายกับเรื่องราวในไซอิ๋วต้นฉบับที่หลังจากแนะนำตัวละคร รวมทีมกันครบ ก็ออกเดินทางต่อ
โดยเรื่องในซีซันสอง จะไม่ค่อยมีการกลับไปเล่าเหตุการณ์ในซีซันแรก เรียกว่าพอสตาร์ทแล้วก็เดินหน้าลุยกันต่อแบบไม่ต้องย้อนความอะไรกันมาก รวมถึงกลุ่มตัวร้ายในภาคนี้ที่เปิดตัวมาแบบเป็นสภาปีศาจกันเลย นอกจานี้ยังมีการเปิดตัวละครใหม่ที่มาเข้าร่วมทีมแบบเฉพาะกิจ นั่นคือ เจ้าหนูเคโต้ เซฟ ที่มาพร้อมทักษะการต่อสู้แบบนักฆ่าระดับสูง ซึ่งคอนเซปต์ของตัวละครนี้ “เข้าใจว่าอาจจะ” ดัดแปลงมาจาก นาจา ในต้นฉบับไซอิ๋วก็ได้ เพราะเป็นเด็กน้อยจอมแสบที่มีฝีมือและทักษะการต่อสู้สูงมาก ด้านวิชาต่อสู้ใกล้เคียงกับซุนหงอคงเลยทีเดียว เพียงแต่ในเรื่องนี้เขาเป็นเด็กมนุษย์ เลยไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์อะไร
สำหรับตัวเรื่องจะแบ่งพาร์ทของการเดินเรื่องค่อนข้างชัดเจนมากกว่าภาคแรก คือแบ่งเป็น
ตอน 1-2 เปิดตัวสภาปีศาจ ชิงคัมภีร์ความรู้
ตอน 3-4 เคโต้ร่วมทีม เปิดตัวแฮ็กฟิช ตัวร้ายคนสำคัญ
ตอน 5-7 ปะทะปีศาจกอร์ม เปิดตัวไมซีเลีย ปลอมตัวไปชิงคัมภีร์คืน
ตอน 8-10 บุกปราบแฮ็กฟิช พระถังซำจั๋งตัวจริงคืนชีพ และ เปิดตัวซุนหงอคงด้านมืด
ในซีซันสองนี้ มีการพัฒนาจุดความโดดเด่นอยู่ คือการเดินเรื่อง เพราะอันที่จริงแล้ว ทุกพาร์ทมีการเชื่อมโยงเรื่องราวกันอยู่ตลอด ทั้งตัวละคร และการกระทำในบทก่อนหน้าที่ส่งผลต่อเนื่องไปบทถัดไปแบบไม่มีกั๊ก แล้วยังมีการเดินเรื่องที่ค่อนข้างกระชับ ฉับไว ถ้าเทียบกับซีซันแรกแล้ว ซีซันสองเดินเรื่องเร็วกว่ามาก แทบจะไม่มีฉากเอื่อยๆหรือฉากตัวละครดราม่ากับตัวเองจนน่ารำคาญมากนัก แม้ว่าสถานการณ์ในเรื่องจะจริงจังและมีประเด็นความดราม่ายิ่งกว่าซีซันแรกด้วยซ้ำ แต่อาจเพราะตัวเรื่องที่เดินหน้าไปเร็วมากและมีตัวละครเข้ามาเล่นเยอะขึ้น ทำให้เรื่องไม่น่าเบื่อเลย ทั้งๆที่ดูก็รู้ว่านี่เป็นงานแฟนตาซีที่ทุนไม่ได้สูงมากนัก
ด้านฉากแอ็กชั่น ต้องทำใจว่าด้วยความที่เป็นงานทุนต่ำ ดังนั้นฉากโชว์พลังอิทธิฤทธิ์เลยไม่ได้อลังการอะไรมากมายนัก จะบอกว่านี่เป็นซุนหงอคงที่มีการโชว์พลังน้อยที่สุดที่สร้างกันมาก็ว่าได้ ถ้าเทียบกับไซอิ๋วของจีน แต่ภาคนี้มีความพยายามกลบจุดด้อยที่ว่าด้วยฉากแอ็กชั่นมือเปล่าและการต่อสู้ด้วยอาวุธที่ทำได้สนุกขึ้น แม้ว่ามุมกล้องจะดูหลอกๆอยู่ก็ตาม แต่ท่วงท่าในการใช้อาวุธต่อสู้หรือร่ายรำกระบวนอาวุธ โดยเฉพาะซุนหงอคง ถือว่าทำได้ดีมากเกินคาดครับ
จุดน่าสนใจในซีซันสองคือ กลุ่มตัวร้ายที่ดูน่าสนใจมาก รวมถึงการแนะนำตัวละคร ราชินีปีศาจฮากูรู ที่ถูกซุนหงอคงปราบไปแล้วในอดีต และพวกสภาปีศาจที่เป็นตัวร้ายในซีซันนี้บางตัวก็เคยเป็นอดีตลูกน้องของนางด้วย และในกลุ่มปีศาจก็มีการขัดแย้ง หาทางชิงอำนาจกัน ซึ่งจุดที่ซีรีส์ทำได้ดีคือ ปีศาจที่ภายนอกดูทรงพลัง ถึงขนาดโค่นซุนหงอคงได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะร้ายกาจที่สุด เพราะกลายเป็นว่าปีศาจตัวที่กุมอำนาจอยู่เบื้องหลัง กลับกลายเป็นปีศาจตัวที่ดูภายนอกไม่มีอันตราย แต่มีพลังเวทและวิชาที่ทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้ด้วย
แล้วตอนท้าย ยังมีการเปิดตัวซุนหงอคงด้านมืด ที่ก็เข้าใจว่าดัดแปลงเรื่องนี้มาจากในวรรณกรรมไซอิ๋วต้นฉบับนั่นเอง เพราะในวรรณกรรมก็มีตอนที่ต้องสู้กับซุนหงอคงตัวปลอมด้วย และถือว่าเป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจเช่นกัน
จุดเด่นอีกอย่างในซีซันสองคือ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในทีม หลังจากผ่านความดราม่าในช่วงท้ายซีซันแรกมาแล้ว ทำให้ตัวละครทั้งสี่คนมีความไว้วางใจกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีการชวนทะเลาะ ชวนจิกกัดกันตลอดเรื่องก็ตาม
สรุปแล้ว เป็นซีรีส์ไซอิ๋วที่ดูได้บันเทิงสุดๆ เหมาะจะดูได้ทั้งครอบครัว แม้ว่างานโปรดักชั่นหรือความสมจริงอาจมีข้อจำกัดมาก แต่ด้านความสนุก ทำได้ดีกว่าที่คาดคิดเยอะครับ ที่สำคัญคือ เรื่องราวยังไปต่อได้อีกเยอะ
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website