รีวิว The Tragedy of Macbeth แม็คเบธ เวอร์ชั่น เดนเซล วอชิงตัน สไตล์ขาวดำ เพิ่มความคลาสสิกให้ดูขลังขึ้น
The Tragedy of Macbeth
สรุป
หนังอาร์ตที่หยิบวรรณกรรมคลาสสิกของเช็กสเปียร์มาดัดแปลงได้อย่างแปลกใหม่ เดนเซลแสดงนำอย่างเทพ พยายามคงเนื้อหาดั้งเดิมตามต้นฉบับไว้แทบจะครบถ้วน อาจจะได้เข้าชิงรางวัลใหญ่บางสาขา ควรเปิดใจลองรับชมสักครั้ง
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- เดนเซล แสดงได้สุดยอดมาก สมราคา
- เป็นหนังโชว์ศิลปะการถ่ายทำและแนวทดลองที่เจ๋งดี
- งานภาพขาวดำสวย ขลัง คลาสสิก
- เอาคนผิวสีมาเล่นในบทคนขาวแต่กลับดูแล้วไม่ขัดตาเลย
Cons
- เป็นหนังขายศิลปะที่ดูยากสักหน่อย เหมาะกับคนดูเฉพาะกลุ่ม
- ไดอาล็อคเป็นลักษณะบทกวี บางคนอาจมึน
- หนังขาวดำ บางคนชอบ แต่หลายคนอาจไม่
The Tragedy of Macbeth Apple TV+ รีวิว ภาพยนตร์ที่ได้ เดนเซล วอชิงตัน มารับบทนำเป็น แม็คเบธ เป็นการเอาบทละครคลาสสิกชื่อดังของ วิลเลียม เช็กสเปียร์ มาดัดแปลงใหม่ กำกับโดย โจเอล โคเอน ซึ่งผ่านงานกำกับและงานเบื้องหลังมาแล้วหลายเรื่อง
โดยตัวเรื่องนี้จงใจสร้างให้เป็นหนังขาวดำ เพื่อเพิ่มความคลาสสิก ให้ดูขลังขึ้น เป็นผลงานแบบ Original ของ Apple TV+ เข้าฉายก่อนหน้านี้ในงานเทศกาล BFI London Film Festival และได้รับคำชมมาก รับชมกันได้เลย
ตัวอย่าง The Tragedy of Macbeth Trailer
The Tragedy of Macbeth เรื่องย่อ
ดัดแปลงจากบทละครคลาสสิกชื่อดังของ วิลเลียม เช็กสเปียร์ กวีเอกของโลก เป็นเรื่องราวแนวโศกนาฎกรรมที่มาจากความทะเยอทะยานของ แม็คเบธ นักรบแห่งสกอตแลนด์ซึ่งไปทำศึกแล้วเดินทางกลับบ้านเมืองด้วยชัยชนะพร้อมกับสหายคือแบงโกว แต่ระหว่างทางเขาได้เผชิญหน้ากับแม่มด 3 พี่น้องที่ให้คำพยากรณืว่าเขาจะได้เป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่และได้เป็นกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ ส่วนแบงโกวแม้จะไม่ได้เป็นกษัตริย์ แต่ลูกหลานของเขาจะได้รับสถานะนั้น
ผลปรากฏว่าแม็คเบธได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวินจริงๆจากกษัตริย์ดันแคน นั่นทำให้เขาและภรรยาคือเลดี้แม็คเบธเกิดความทะเยอทะยานที่จะทำให้คำพยากรณ์ที่เขาจะได้เป็นกษัตริย์กลายเป็นความจริงขึ้นมา และได้นำไปสู่แผนลอบสังหารกษัตริย์ดันแคน แต่แล้วเขาก็เกิดความดหวาดระแวงว่าแบงโกวและลูกหลานจะแย่งชิงอำนาจ จึงคิดสังหารเพื่อนรักของตนไปด้วย
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องราวแห่งความทะเยอทะยานและโศกนาฎกรรมของแม็คเบธ ที่ชวนให้ผู้ชมติดตามดูเส้นทางของเขา ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องถูกสังหารเช่นกัน
สำหรับข้อมูลในประวัติศาสตร์พบว่า แม็คเบธ เป็นกษัตริย์ชาวสกอตแลนด์ที่มีตัวตนจริง เขามีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 10 ได้รับฉายาว่า เรดคิง ขึ้นปกครองสกอตแลนด์ต่อจากกษัตริย์ดันแคนในระหว่าง ค.ศ. 1040-1057 แล้วจึงสิ้นชีพลง เขาได้บัลลังก์มาจากการสังหารกษัตริย์ดันแคน แต่กระนั้นมีข้อมูลว่าการปกครองของเขาเป็นเวลา 17 ปีนั้นอยู่ในความสงบสุขไม่น้อย กระทั่งเขาต้องรับศึกจากอังกฤษที่นำโดย ซิวาร์ด เอิร์ลแห่งนอร์ททรัมเบีย สามปีต่อมาเขาจึงถูกสังหารโดยมัลคอร์มที่ 3 โอรสของกษัตริย์ดันแคน แม็คเบธไม่มีทายาททางสายเลือด มีเพียงบุตรบุญธรรมซึ่งต่อมาก็ถูกมัลคอร์มที่ 3 สังหารเช่นกัน ภายหลังเรื่องของเขาถูก วิลเลียม เช็กสเปียร์นำมาเขียนเป็นบทละครแนวโศกนาฎกรรม จนเป็นที่แพร่หลายรู้จักไปทั่วโลกจนถึงวันนี้
The Tragedy of Macbeth รีวิว
ที่ผ่านมา “แม็คเบธ” เป็นผลงานคลาสสิกชื่อดังที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครเวที ภาพยนตร์ และมีเนื้อหาหรือความเชื่อมโยงที่แฝงอยู่ในภาพยนตร์ตะวันตกอีกมากมายนับไม่ถ้วน แต่สำหรับงานนี้ของผู้กำกับ โจเอล โคเอน นับว่ามีความแปลกใหม่ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว เรื่องนี้เข้าข่ายเป็น “หนังทดลอง” ที่ผู้กำกับราวกับต้องการเสี่ยงทดลองอะไรบางอย่างในการหยิบบทละครคลาสสิกชื่อก้องโลกเรื่องนี้มาดัดแปลงใหม่ พร้อมทั้งใช้เทคนิคในการสร้างภาพยนตร์หลายอย่างเข้าช่วย ทำให้งานภาพและการเล่าเรื่องออกมามีรสชาติแปลกใหม่พิสดาร และน่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งมิติใหม่ของการเอางานวรรณกรรมหรือบทละครคลาสสิกมาลงสู่หน้าจอกันเลย
แต่ทั้งหมดทั้งปวง เรื่องนี้อาจจะดับไปเลยก็ได้หากว่าไม่ได้นักแสดงนำอย่าง เดนเซล วอชิงตัน มารับบทแม็คเบธในเวอร์ชั่นนี้ เพราะต้องยอมรับว่าพลังการแสดงและออร่าซุปเปอร์สตาร์ของ เดนเซล นั้นสุดเอามากๆ เรียกว่าแกเอาอยู่จริงๆกับการแบกรับภาระของหนังทั้งเรื่อง ทำให้หลายคนที่อาจจะตัดขิดตะขวงใจกับการเอานักแสดงผิวสีมาเล่นบทแม็คเบธและการมีนักแสดงผิวสีจำนวนมากมาเล่นในเรื่องนี้ คงจะรู้สึกว่า เออ ก็ไม่เห็นเป็นไร ตรงนี้ต้องขอคารวะเดนเซลเลยที่ทำให้คนดูรู้สึกกลมกลืนไปกับตัวละครและสิ่งแวดล้อมในเรื่องได้อย่างไม่เคอะเขินว่าทำไมในสกอตแลนด์ยุคกลางจึงได้มีคนผิวสีขึ้นมาเป็นอัศวินและเป็นกษัตริย์ได้
อีกจุดหนึ่งที่ต้องชมผู้กำกับคือการที่หนังเลือกที่จะสร้างออกมาในรูปแบบกึ่งละครเวทีเหนือจริง ทำให้เราไม่จำเป็นต้องอิงกับความเป็นจริงในแง่ Realism ของเรื่องราวมากนักว่าจะต้องเป็นคนผิวขาวในการเล่นเรื่องนี้ไปซะหมด
ด้านเทคนิคการถ่ายทำ ตรงนี้มีความแปลกใหม่พอสมควร เพราะมีการเล่นกับ ฉาก สถานที่ มุมกล้อง ค่อนข้างมาก เรียกว่าเป็นการนำเสนอและทดลองใช้ศิลปะการกำกับและถ่ายทำขั้นสูงที่น่าสนใจ เช่น การใช้กรอบสี่เหลี่ยมของสถานที่เป็นตัวกำหนดภาพเฟรม และในหลายฉากที่จะเห็นว่าเต็มไปด้วยสี่เหลี่ยม ซึ่งดูเหมือนจงใจเอามากๆ ไปจนถึงการจัดวางมุมกล้องเพื่อฉายภาพใกล้และไกลที่มีความเป็นศิลปะและใช้ฉากรอบด้านอย่างคุ้มค่าที่สุด ชวนให้เรื่องราวดูมีความลึกลับ เหล่าตัวละครเสมือนติดกับดักอยู่ในบางอย่างที่เสมือนกรงอยู่ตลอดเวลา นับว่าทีมสร้างยอดเยี่ยมมากในการจัดวางองค์ประกอบศิลป์ให้กับเรื่องนี้
แต่จุดด้อยก็มีอยู่ โดยเฉพาะสำหรับผู้ชมที่ไม่เคยเสพงานของ วิลเลียม เช็กสเปียร์ มาบ้าง หรือไม่เคยรู้จักเรื่องราวของแม็คเบธมาก่อน หรือไม่เคยดูงานแนวละครเวที หรือไม่เคยดูผลงานที่ดัดแปลงจากงานคลาสสิกแนวนี้มาบ้าง รับรองว่างานนี้มีลำบากแน่ เพราะเรื่องใช้วิธีการเล่าและเทคนิคในสไตล์ละครเวที ไดอาล็อคบทพูดที่เป็นการเอาบทกวี บทกลอนมาปรับใหม่ ทำให้การพูดคุยเจรจาของตัวละครเต็มไปด้วยลีลาและความเป็นศิลปะ การประชดประชัน การใส่อารมณ์ของเหล่าตัวละคร แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะคนที่ไม่รู้จักจะดูเรื่องนี้ไม่ได้นะครับ เพราะหากได้ลองสักครั้งคุณอาจจะชอบก็ได้ (ส่วนตัวแนะนำลองไปหา โรมิโอและจูเลียต เวอร์ชั่น ลีโอนาโด ดิคาปริโอ มาดูครับ)
ข้อด้อยอีกอย่างคือ เรื่องนี้เป็นหนังที่ต้องพึ่งพาพลังการแสดงและออร่าซุปเปอร์สตาร์ของเดนเซลค่อนข้างเยอะมาก แม้ว่าบางฉากที่เดนเซลไม่ได้ออกมา นักแสดงคนอื่นจะทำได้ดีไม่น้อยเลย เช่น ฉากเปิดเรื่องที่มีการโชว์ความสามารถในการดัดตัว ดัดแขนตัวเองของแม่มด (ไม่รู้ว่าทำเองเลยหรือว่าใช้เทคนิคการถ่ายทำช่วย) แต่ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ เลยว่าส่วนใหญ่แล้วมันเทียบไม่ค่อยได้เลยกับฉากที่มีเดนเซลออกมาร่วมแสดง
The Tragedy of Macbeth สนุกและดีไหม
เป็นผลงานที่อยู่ในกลุ่มชิงรางวัลได้ครับ เดนเซล วอชิงตัน แบกหนังเอาไว้ และศิลปะการถ่ายทำมีส่วนมากที่ทำให้หนังมันออกมาดูเพลิน โดยสรุปแล้ว เรื่องนี้เป็นผลงานแนวอาร์ตที่หยิบวรรณกรรมคลาสสิกมาดัดแปลงได้อย่างแปลกใหม่ โดยที่คงเนื้อหาดั้งเดิมไว้แทบจะครบถ้วน อาจจะได้เข้าชิงรางวัลใหญ่บางสาขา และควรเปิดใจลองรับชมสักครั้งครับ
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference