เร็ว ๆ นี้ กำลังจะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง “ยาสึเกะ” Yasuke ซึ่งจะสร้างมาจากตำนานปนเรื่องจริงของ “ซามูไรผิวสี คนแรกของโลก” ที่จะต้องฝ่าฟันเอาชีวิตรอดในยุคสงครามของญี่ปุ่นในสมัยศตวรรษที่ 15-16 หรือที่เรียกกันว่า “ยุคเซ็นโกคุ” (Sengoku Era) และสุดท้ายเขาได้กลายมาเป็นองครักษ์ของ “โอดะ โนบุนางะ” ไดเมียวที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์ยุคนั้นด้วย
เรื่องราวของ ซามูไรผิวสี ผู้นี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักสร้างภาพยนตร์และอนิเมจำนวนไม่น้อย (ตัวอย่างเช่น อนิเมเรื่อง Afro Samurai) ที่ผสมผสานเอาความเป็นคนผิวสี แร็กเก้สไตล์ เข้ากับซามูไร ซึ่งในสายตาของชาวตะวันตก ซามูไรคือตัวแทนของนักรบที่เปี่ยมด้วยความภักดีและจิตวิญญาณ
แต่ยาสึเกะคนนี้คือใคร??? มารู้จักกันเพิ่มเติมครับ
ที่มาของ ยาสึเกะ
บันทึกเอกสารของ โกตะ กิวอิจิ นายอาลักษณ์ของตระกูลโอดะ ซึ่งจดบันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ประจำวันในระหว่างที่เขาทำงานให้โนบุนางะนานหลายปี บันทึกของเขาเป็นเอกสารชั้นต้นชิ้นสำคัญที่นักประวัติศาสตร์ใช้ศึกษาเรื่องราวในยุคเซ็นโกคุมานาน
แต่ก็มีข้อมูลอย่างหนึ่งที่ดูเหมือนจะโดนมองข้ามมานานนับศตวรรษ นั่นคือเรื่องของ ซามูไรผิวสีนแรก และ คนเดียวในประวัติศาสตร์ แล้วเขายังเป็นองครักษ์ส่วนตัวให้ “โอดะ โนบุนางะ” (Oda Nobunaga) ตามเรื่องเล่าที่มียังบอกว่าเขายืนหยัดสู้เพื่อปกปกป้องโนบุนางะในเหตุการณ์ที่วัดฮอนโนจิ ซึ่งโนบุนางะถูกบริวารอย่าง อาเคจิ มิตสึฮิเดะ ก่อกบฏ จนถึงแก่ความตาย
อันที่จริงแล้ว เรื่องของซามูไรจากโลกตะวันตกที่เข้ามามีบทบาทในญี่ปุ่นเมื่อศตวรรษที่ 15 ในยุคเซ็นโกคุนั้นพอจะมีตำนานเล่ากันอยู่บ้าง แต่เรื่องของ ซามูไรผิวสี เชื้อสายแอฟริกันคนนี้นับว่าเป็นชื่อแรก ๆ ที่มีอยู่ในบันทึกและเอกสารทางการของตระกูลโอดะ แม้ว่าจะไม่มีบันทึกไว้ชัดเจนเรื่องชื่อดั้งเดิมของเขาก็ตาม
ตามที่มีปรากฏในเอกสารประวัติศาสตร์ ชื่อว่า “ยาสึเกะ” เป็นชื่อเรียกที่โนบุนางะเป็นคนตั้งให้ และยังเป็นซามูไรผิวสี เชื้อสายแอฟริกันคนแรก และอาจจะคนเดียว ในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ยาสึเกะ คือใคร
เดิมที ยาสึเกะ เป็นชาวแอฟริกัน-โมซัมบิก จากโปรตุเกส ซึ่งไปเป็นทาสรับใช้และทหารติดตามของ บาทหลวงอเลสซานโดร วาเลียนาโน่ มิชชันนารีจากอิตาลี ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะเยซูอิตให้เข้ามาเผยแผ่ศาสนาในเอเชียตะวันออกไกล
คณะของบาทหลวงได้เดินทางเข้ามาญี่ปุ่นเพื่อเผยแผ่ศาสนาใน ค.ศ.1579 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โนบุนางะกำลังเรืองอำนาจแทบจะถึงจุดสูงสุดในญี่ปุ่น
เมื่อยาสุเกะเดินทางเข้ามาถึงญี่ปุ่น ปรากฏว่ารูปลักษณ์การเป็นคนผิวสีดำสนิทของเขากลายเป็นที่หวาดกลัวจากผู้คน เวลานั้นหลายแคว้นของญี่ปุ่นได้เริ่มติดต่อกับชาวตะวันตกและก็มีคนผิวสีติดตามพวกบาทหลวงเข้ามาบ้าง แต่สีผิวของยาสุเกะเป็นสีดำสนิทตามแบบคนแอฟริกันยิ่งกว่าคนผิวสีทุกคนที่เคยเข้ามาในญี่ปุ่น แล้วยังมีเรื่องเล่าว่า เขามีคำสาปติดตัว เพราะลือกันว่าคนญี่ปุ่นบางคนจ้องมองเขาแล้ว ไม่นานก็เสียชีวิตลงจากโรคระบาด คณะบาทหลวงกังวลว่าจะส่งผลเสียในการเผยแผ่ศาสนา เพราะพวกเขาได้นำยาชนิดใหม่เข้ามารักษาโรคด้วย
ไม่นาน โนบุนางะ ก็ได้ยินข่าวลือเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นคนสนใจเรื่องน่าตื่นเต้นและท้าทาย ไม่เชื่อเรื่องงมงาย เขาจึงสั่งให้บาทหลวงวาเลียนาโน่พาตัวยาสุเกะมาที่ปราสาทเพื่อพอขอพบตัวด้วยตนเอง
ระหว่างการพบกัน โนบุนางะเดินเข้าไปจ้องอีกฝ่ายใกล้ ๆ โดยไม่สนใจเสียงห้ามของขุนนาง จากนั้นโนบุนางะก็ประทานรางวัลเป็นเงินทองให้จำนวนมากหลังจากการพบกันครั้งแรก เพราะสนใจใจผิวสีดำสนิทของอีกฝ่าย
ยังมีเอกสารของหลุยส์ ฟรัวซ์ ผู้ซึ่งน่าจะอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยได้บันทึกว่า
“วันที่ 23 เดือน 2 ชายผิวดำร่างสูงใหญ่กำยำที่มาพร้อมกับบาทหลวง โนบุนางะชื่นชมเขาว่ามีพละกำลังแข็งแรงราวกับคน 10 คน”
หลังจากนั้นโนบุนางะก็เรียกตัวเขามาพบที่ปราสาทอาสุชิอีกครั้ง แล้วยังขอตัวจากบาทหลวง โดยแลกเปลี่ยนด้วยเงินทองและรางวัล แล้วประทานชื่อ ยาสึเกะ ตั้งอีกฝ่ายเป็นผู้ติดตาม ต่อมาก็ได้กลายเป็นองครักษ์ ก่อนจะกลายเป็นซามูไรในท้ายที่สุด
วีรกรรมในสงคราม
ยาสึเกะมีชื่อปรากฏในการทำสงครามครั้งแรก ในระหว่างปี ค.ศ. 1573 เวลานั้นโนบุนางะได้ตัดสินใจทำศึกตัดสินกับตระกูลทาเคดะ ภายใต้การนำของ ทาเคดะ คัตสึโยริ ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีอำนาจทางทหารและกองทัพม้าอันดับต้น ๆ ของยุคนั้น
โนบุนางะสั่งเคลื่อนทัพใหญ่แล้วพายาสุเกะร่วมทัพไปด้วย ต่อมาหลังจากเสร็จศึกแล้ว โนบุนางะได้สมทบกับทัพของ โทกุงาวะ อิเอยาสึ
มีเอกสารของฝั่งอิเอยาสึที่ระบุว่า มัตสึไดระ อิเอทาดะ ได้พบกับองครักษ์ผิวดำของโนบุนางะ มีรูปร่างสูงใหญ่ถึง 6 ชะกุ 2 ซัน หรือราว 188 ซม. ซึ่งถือว่าเป็นความสูงเกินค่าเฉลี่ยคนญี่ปุ่นยุคโบราณไปมาก
ยังเชื่อกันว่า ยาสึเกะสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้พอสมควรด้วย อาจมาจากการสอนของบาทหลวงวาเลียนาโน่ เพราะเล่ากันว่าโนบุนางะมักพูดคุยกับอีกฝ่ายเสมอ แม้ว่ายุคนั้นจะมีคนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาในญี่ปุ่นมาก และโนบุนางะก็รับคนต่างชาติทั้งบาทหลวง พ่อค้า นักแม่นปืน ทหารรับจ้าง เข้ามาทำงานและอยู่ในสังกัดของตนไม่น้อย แต่ดูเหมือนจะมียาสุเกะเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดที่สุดในฐานะองครักษ์ แสดงความความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อนข้างดีเลยทีเดียว
วาระสุดท้าย
ในค.ศ. 1582 เกิดเรื่องที่วัดฮอนโนจิจากการก่อกบฏของมิตสึฮิเดะ ทำให้ โนบุนางะ ถึงแก่ความตาย ยาสึเกะเป็นหนึ่งในองครักษ์ที่ต่อสู้ปกป้องโนบุนางะอย่างเต็มที่ มีเรื่องเล่าที่แตกต่างกันสองทางคือ เขาปกป้องโนบุนางะจนตัวตาย
ส่วนเรื่องเล่าอีกทางนั้นเล่าว่า ยาสึเกะได้ตีฝ่าวงล้อมไปเข้าร่วมกับ โอดะ โนบุทาดะ บุตรคนโตของโนบุนางะที่พำนักอยู่ไม่ห่างไปนัก โนบุทาดะได้พยายามนำทหารในปราสาทนิโจต่อสู้กับข้าศึก ยาสึเกะก็ได้ยืนหยัดช่วยสู้ด้วย แต่ไม่นานโนบุทาดะก็ทำฮาราคีรีปลิดชีพตนเองตามบิดาไป ยาสึเกะและผู้ติดตามหลายคนโดนจับกุมตัว แต่มิตสึฮิเดะไม่ได้สังหารเขาแล้วไล่ให้ไปอยู่ในเขตของพวกนัมบังทางใต้ (พวกนัมบังเป็นคำเรียกพวกคนเถื่อน หรือคนตะวันตกแบบรวมๆของคนญี่ปุ่น)
สาเหตุอาจเพราะมิตสึฮิเดะอยากรักษาสายสัมพันธ์กับพวกนักบวชเยซูอิตไว้ แต่ก็เป็นเหตุผลที่ดูแปลกพอสมควร จากนั้นก็ไม่ปรากฏเรื่องของยาสุเกะในบันทึกประวัติศาสตร์อีก บางส่วนจึงเชื่อว่ายาสึเกะน่าจะพลีชีพไปพร้อมกับโนบุนางะที่วัดฮอนโนจิมากกว่า
ซามูไรผิวสีในยุคโมเดิร์น
ตำนานของยาสึเกะเริ่มกลายเป็นที่รู้จักในโลกสมัยใหม่ อาจเป็นเพราะเรื่องราวของเขาไปปรากฏอยู่ในวรรณกรรมเยาวชนอิงประวัติศาสตร์เรื่อง คุโร-สุเกะ ผลงานของ โยชิโอะ คุรุสุ
ผลงานนี้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1968 แล้วได้รับรางวัลวรรณกรรมเยาวชนแห่งชาติในปีถัดมา
หลังจากนั้น ภาพลักษณ์ของซามูไรผิวสีจึงเริ่มปรากฏในวัฒนธรรมญี่ปุ่น และแพร่หลายไปยังโลกตะวันตกมากขึ้นด้วย
นอกจากมีการนำมาพัฒนาเป็นอนิเมแล้ว ไม่นานมานี้ยังมีการประกาศจาก แชดวิค โบสแมน ดาราดังผู้แสดงเป็น แบล็กแพนเธอร์ (Black Panther) จาก Avengers ในจักรวาล Marvel ซึ่งเขาจะมารับบทเป็น ยาสึเกะ ในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ที่จะได้มือเขียนบทอย่าง ดอดจ์ มิโร่ ซึ่งมีผลงานจากซีรีส์ชื่อดังอย่าง มาร์โคส
ต้องมารอดูกันว่า เรื่องของ ซามูไรผิวสี ยาสึเกะ จะกลายเป็นอีกชื่อหนึ่งที่คนทั่วโลกจะได้รู้จักผ่านทางภาพยนตร์เร็ว ๆ นี้หรือไม่
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference
Website
yasuke-o-samurai-africano